ในยุคที่ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวพุ่งสูง การใช้บริการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง หรือ Buy Now, Pay Later (BNPL) กำลังกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมของนักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Gen Y ที่ต้องการแบ่งเบาภาระการใช้จ่ายค่าเครื่องบิน โรงแรม หรือทริปท่องเที่ยวในรูปแบบผ่อนชำระรายเดือน
Kristin Herman หนึ่งในผู้ใช้บริการ BNPL เล่าว่า การใช้ BNPL ช่วยให้เธอจองทริปด่วนไปไมอามี่ได้ทันใจ เพราะอนุมัติไว ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนล่วงหน้า แต่การพลาดชำระเพียงครั้งเดียวกลับทำให้เธอเจอกับค่าปรับทันที ต่างจาก Rane Teo ที่ใช้ BNPL ผ่อนค่าที่พักสุดสัปดาห์ของครอบครัวที่เกาะบาตัม อินโดนีเซีย เขาเผยว่า “ประสบการณ์การแบ่งจ่ายเป็น 3 งวดนั้นง่ายและสะดวกมาก”
สองตัวอย่างนี้สะท้อนกระแสที่กำลังเติบโตชัดเจน โดยข้อมูลจาก Klarna บริษัทผู้ให้บริการ BNPL ระบุว่า มูลค่าการจองท่องเที่ยวผ่าน BNPL ในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 50% ขณะที่ Affirm อีกหนึ่งผู้ให้บริการ รายงานว่า ปริมาณการจองตั๋วและการเดินทางผ่านแพลตฟอร์มโตขึ้น 38% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 จนทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านเว็บไซต์การเงินอย่าง NerdWallet ก็ได้ออกมาเผยผลสำรวจล่าสุด พบว่า เกือบ 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันวางแผนใช้ BNPL เพื่อจ่ายค่าทริปช่วงซัมเมอร์ 2025 โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ซึ่งแสดงพฤติกรรมรักการแบ่งจ่ายมากกว่ากลุ่มวัยอื่น
Jamie Twiss ซีอีโอของ Carrington Labs บริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยงจากออสเตรเลีย อธิบายว่า เทรนด์นี้สะท้อนความชอบโดยรวมของคนรุ่นใหม่ และผู้ประกอบการท่องเที่ยวเองก็ตอบสนองด้วยการเสนอบริการ BNPL มากขึ้น
ด้าน Bread Financial บริษัทด้านบริการการเงิน ยังพบอีกว่า คนรุ่นใหม่นิยมใช้ BNPL เพื่อเดินทางไปงานอีเวนต์สด ยกตัวอย่างเช่น เทศกาลดนตรี Coachella ที่ปีนี้ Billboard รายงานว่ากว่า 60% ของผู้ซื้อบัตรเลือกจ่ายผ่านการผ่อนชำระ โดยยอมจ่ายค่าธรรมเนียมที่เพิ่ม 41 ดอลลาร์สหรัฐ
Sunil Sachdev หัวหน้าฝ่าย Embedded Finance ของ Fiserv ชี้ว่า BNPL เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์อย่างมาก หากใช้อย่างมีวินัย โดยข้อมูลจากตลาดพบว่า อัตราการผิดนัดชำระในหมวดท่องเที่ยวและการเดินทางยังอยู่ในระดับต่ำ
Twiss เสริมว่า หลายคนเลือกใช้ BNPL เพื่อแบ่งจ่าย แม้มีเงินพอจ่ายเต็มจำนวนอยู่แล้ว เพราะต้องการบริหารสภาพคล่องให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม NerdWallet เตือนว่า BNPL ก็ยังคงมีความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น กรณีการซ้อนหนี้ หรือมีหลายบัญชีเงินกู้พร้อมกัน ซึ่งพบว่า 63% ของผู้ใช้ BNPL ในปี 2022 มีหนี้ซ้อนมากกว่าหนึ่งบัญชี
Andrew Lokenauth ผู้ก่อตั้ง TheFinanceNewsletter.com ย้ำว่า หนี้ BNPL มีความเสี่ยงสูง เพราะขาดความยืดหยุ่น เช่น พลาดจ่ายครั้งเดียว เสี่ยงโดนค่าปรับและกระทบเครดิตสกอร์ทันที
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็ได้มีหลากหลายบริษัทเริ่มปรับตัว เพื่อลดความเสี่ยงในการนัดชำระกับลูกค้าบ้างแล้ว โดยทาง Affirm ระบุว่า บริษัทไม่มีการเก็บค่าปรับหากลูกค้าจ่ายช้า และมีการตรวจสอบเครดิตอย่างเข้มงวดก่อนอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งทาง Affirm ยังได้เริ่มรายงานประวัติการชำระเงินให้กับ Experian บริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลระดับโลกตั้งแต่ 1 เมษายน และจะขยายไปยัง TransUnion ในเดือนพฤษภาคม 2025 อีกด้วย
Precious Caroll ตัวแทนท่องเที่ยวแนะนำว่า ลูกค้าควรใช้ BNPL ก็ต่อเมื่อมีเงินพร้อมรองรับค่าใช้จ่าย เพื่อป้องกันการก่อหนี้ที่เกินตัว แม้ BNPL จะช่วยให้จองดีลท่องเที่ยวเด็ด ๆ ได้ทันเวลา
ด้าน Jackie Steele ผู้วางแผนทริปดิสนีย์ เสริมว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยใช้ BNPL เพื่อจ่ายค่าทริปดิสนีย์ ทั้งเพื่อจัดทริปเร่งด่วน หรืออัปเกรดที่พัก แต่ Steele ก็เตือนว่า โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวที่งบจำกัด อย่ามองแค่ยอดผ่อนรายเดือน แต่ต้องคำนวณภาระหนี้โดยรวมให้รอบคอบด้วย
Benson Varghese หุ้นส่วนบริษัทกฎหมาย Varghese Summersett ในเท็กซัส เผยว่า ลูกค้าหลายรายประสบปัญหาทางกฎหมายและการเงินจากการใช้ BNPL ท่องเที่ยว จนบริษัทต้องเพิ่มหัวข้อ “การบริหารความเสี่ยง BNPL” ลงในคอร์สสอนความรู้ทางการเงิน
Lokenauth ทิ้งท้ายด้วยคำเตือนที่น่าคิดว่า “ถ้ายังไม่มีเงินจ่ายทริปเต็มจำนวนได้ตั้งแต่แรก ก็ไม่ควรเที่ยวเลยจะดีกว่า”
ที่มา: CNBC
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney