ทำไม? กลุ่มคนร่ำรวย ผู้มีทรัพย์สินสุทธิสูง (HNWIs)  ถึงย้ายไปอยู่ “ดูไบ - อาบูดาบี”

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองเศรษฐกิจในตะวันออกกลาง อย่าง “ดูไบ” และ “อาบูดาบี” ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กลายเป็นจุดหมายใหม่ของเหล่าคนรวยจากทั่วโลก 

โดยเฉพาะกลุ่ม  High Net Worth Individuals (HNWIs) หรือ บุคคลที่มีทรัพย์สินสุทธิสูง อย่างน้อยหลัก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังรวมไปถึงกลุ่มที่มีอิทธิพลในด้านการสร้างงาน การลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ และ การขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ อีกด้วย

หลายคนไม่ได้แค่เดินทางไปเที่ยวหรือทำธุรกิจระยะสั้น แต่เลือก “ย้ายถาวร” พร้อมขนทั้งทรัพย์สิน ลูกหลาน และการใช้ชีวิตไปลงหลักปักฐานที่นั่นอย่างจริงจัง

แม้ฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริง มันใกล้กว่าที่คิด เพราะเบื้องหลังการอพยพของคนรวยเหล่านี้ คือภาพสะท้อนของโครงสร้างโลกยุคใหม่ที่คนมีเงินสามารถ “เลือกประเทศ” ที่ทำให้พวกเขารวยยิ่งขึ้น 

อีกทั้งยังสะท้อนความจริงในยุคที่เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความไม่แน่นอนทางการเมืองและสังคมเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน อีกด้วย

ข้อมูลจากรายงานล่าสุดของ Savills Dynamic Wealth Indices ระบุถึงปัจจัย ที่ทำให้ ทั้ง ดูไบ และ อาบูดาบี อยู่ในตำแหน่งสองอันดับแรก ที่ตามมาด้วย สิงคโปร์ ซูริก และโอ๊คแลนด์ จนกลายเป็น 5 เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางที่กลุ่มคนร่ำรวยต้องการย้ายถิ่นฐานมาอยู่อาศัยมากที่สุด 

ได้แก่ ความโดดเด่นจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น ระบอบภาษีที่เป็นมิตร สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาแล้ว รวมถึงนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร

ข้อมูลรายงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยบทสัมภาษร์ “Rachael Kennerley” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Savills ตะวันออกกลาง ซึ่งระบุว่า ความมั่งคั่งในอาบูดาบีได้ดึงดูด สำนักงานครอบครัว (Family Offices) และบริษัทข้ามชาติระดับโลก ส่งผลให้เกิดความต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียม ทั้งในภาคที่อยู่อาศัยและสำนักงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน เมืองพี่อย่างดูไบ ยังคงรักษาบทบาทสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู โดยในปี 2567 มูลค่าทรัพย์สินที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมเพิ่มขึ้นถึง 6.8% ขณะที่พื้นที่สำนักงานระดับหรูมีอัตราการเติบโต 7% ในไตรมาสสุดท้ายของปี และมีการบันทึกปริมาณการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 47% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ ดูไบและอาบูดาบี ยังถูกยกย่อง ให้เป็นเมืองที่มีนโยบายภาษีที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ มีฐานความรู้และเทคโนโลยีที่มั่นคง และมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การที่ดึงดูดองค์กรชั้นนำมาปักหลักได้ ก็เท่ากับ ดึงดูดให้บุคลากรที่มีศักยภาพสูงและผู้มีทรัพย์สินสุทธิสูง ที่ต้องการเข้าถึงโอกาสในการเติบโตทั้งในด้านอาชีพและการลงทุนด้วย 

“ปรากฏการณ์ การสร้างกลุ่มความสามารถ (Talent Clusters) และการที่ผู้มีทรัพย์สินสุทธิสูงมักนำกิจการของตนย้ายตามไป  ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งผลให้เมืองเหล่านี้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของความมั่งคั่งระดับองค์กรด้วย” 

ด้าน สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศของไทย ณ เมืองดูไบ ให้ความเห็นว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่มีความพยายามปรับตัวด้วยนโยบายต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนและบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงเข้ามาเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ

ขณะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า HNWIs มีแนวโน้มที่จะย้ายถิ่นฐานมากขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในบางประเทศ เช่น จีน อินเดีย และสหราชอาณาจักรซึ่งมีการบันทึกตัวเลขการไหลออกของ HNWIs ที่สูง 

โดยในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีเศรษฐีทั่วโลกย้ายถิ่นฐานถึง 128,000 คน ทำลายสถิติเดิมที่ 120,000 คนในปี 2566 นั่นเพราะ ตะวันออกกลางมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยกว่า และ ด้วยองค์ประกอบเชิงโครงสร้างที่ครบถ้วน วิสัยทัศน์เชิงนโยบายที่ชัดเจน และความสามารถในการรองรับทั้งบุคคลและองค์กรที่ต้องการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความสำเร็จในระยะยาว อาบูดาบีจึงมิใช่เพียงจุดหมายปลายทาง แต่เป็นกลยุทธ์การตั้งถิ่นฐานของอนาคตสำหรับทั้งโลกธุรกิจและกลุ่มทุนระดับสูง อีกด้วย

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney