เศรษฐกิจปีนี้หนักแน่! เงินฉุกเฉินต้องมี “6 เดือน” TFPA แนะ ยกการ์ดสูง ลดฟุ่มเฟือย - เลี่ยงก่อหนี้

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เศรษฐกิจปีนี้หนักแน่! เงินฉุกเฉินต้องมี “6 เดือน” TFPA แนะ ยกการ์ดสูง ลดฟุ่มเฟือย - เลี่ยงก่อหนี้

Date Time: 22 เม.ย. 2568 15:06 น.

Video

โทฟุซัง น้ำเต้าหู้ ยอดขายพันล้านบาท สร้างธุรกิจจาก “ความรู้และงานวิจัย” | On The Rise EP.17

Summary

  • สมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) แนะให้ "ยกการ์ดสูง" รัดเข็มขัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เลี่ยงก่อหนี้เกินตัว และมองหาช่องทางเพิ่มรายได้พร้อมพัฒนาทักษะใหม่ๆ ส่วนการลงทุนต้องกระจายความเสี่ยง ลดพอร์ตเสี่ยงสูง ที่สำคัญคือต้องเพิ่มเงินสำรองฉุกเฉินเป็นอย่างน้อย 6 เดือน และวางแผนบริหารความเสี่ยงรอบด้าน

ในยุคที่สถานการณ์โลกผันผวน ทั้งจากภัยธรรมชาติและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมาถึงประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาเหล่านี้ดูเหมือนจะยังคงอยู่กับเราไปอีกระยะหนึ่ง และมีแนวโน้มที่จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงขึ้น

คำถามสำคัญสำหรับคนไทยทุกคนคือ เราจะวางแผนการเงินอย่างไรให้สามารถประคองชีวิตประจำวันไปได้ ท่ามกลางภาวะที่รายได้อาจเติบโตไม่ทันรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น

ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ สมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) แนะให้ "ยกการ์ดสูง" รัดเข็มขัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เลี่ยงก่อหนี้เกินตัว และมองหาช่องทางเพิ่มรายได้พร้อมพัฒนาทักษะใหม่ๆ ส่วนการลงทุนต้องกระจายความเสี่ยง ลดพอร์ตเสี่ยงสูง ที่สำคัญคือต้องเพิ่มเงินสำรองฉุกเฉินเป็นอย่างน้อย 6 เดือน และวางแผนบริหารความเสี่ยงรอบด้าน

TFPA แนะทางรอดการเงิน ยุคโลกผันผวน

วิโรจน์ ตั้งเจริญ นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย เปิดเผยว่า การวางแผนการเงินส่วนบุคคล เป็นเรื่องที่ไม่ได้ไกลตัว หากพิจารณาในช่วงเกือบ 5-6 ปีที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการสำรองเงินเผื่อฉุกเฉิน

โดยแนะนำว่า ตามหลักการแล้ว หากเป็นมนุษย์เงินเดือนควรมีการสำรองเงินเผื่อกรณีฉุกเฉินเป็นจำนวนเงิน 6 เดือนของเงินเดือน แต่หากเป็นกลุ่ม Freelance ก็ต้องสำรองเงินจำนวน 12 เดือนของค่าใช้จ่ายส่วนตัว และเมื่อกลับสู่ภาวะปกติการสำรองเงินฉุกเฉินก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น

ล่าสุดกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของประเทศไทยในวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันวินาศภัยกับที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม

กรณีที่ผ่อนหมดแล้วและไม่ได้ทำประกันภัยไว้ แต่กรณีที่มีการผ่อนชำระกับสถาบันการเงิน ให้กลับไปตรวจสอบว่าได้มีการทำประกันภัยไว้หรือไม่ และได้ครอบคลุมการคุ้มครองเหตุจากภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวหรือไม่ นอกจากนี้ ยังเห็นความจำเป็นมากขึ้นกับการทำประกันชีวิตโดยเฉพาะผู้มีรายได้หลักที่หาเลี้ยงครอบครัว

ส่วนปัจจัยด้านมหภาค นโยบายภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยได้เกิดความผันผวนต่อภาวะการลงทุนทั้งตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้

ซึ่งหากเรามีการจัดพอร์ตการลงทุนในแบบกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ (Asset Allocation) จะช่วยให้ลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ โดยการจัดพอร์ตการลงทุนในภาวะแบบนี้ แนะนำให้ลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมลง ด้วยการเพิ่มน้ำหนักในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำ รวมถึงเงินสดให้มากขึ้น

เพราะหากราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงแรง หลังนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เริ่มเห็นผลกระทบที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางปีนี้ ย่อมเป็นโอกาสของการกลับไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ภายใต้แนวทางการจัดพอร์ตโดยกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมของตัวเรา

สมาคมฯ มีความเห็นว่า ในยุคแห่งความไม่แน่นอนในขณะนี้ การวางแผนการเงินเป็นสิ่งที่ช่วยมองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต และพยายามป้องกันหรือลดความเสี่ยงเหล่านั้นให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับทรัพย์สินหรือรายได้ที่เราพยายามหามา คืออุดรูรั่วให้หมดก่อนเติมน้ำให้เต็มนั่นเอง หากยังไม่รู้จะเริ่มต้นจัดการเงินของคุณได้อย่างไร สามารถติดต่อกับนักวางแผนการเงิน CFP

เปิดแผนเร่งปั้นนักวางแผนการเงินเข้าสู่ระบบ

วิโรจน์ ยังกล่าวถึงแผนงานปี 2568 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย โดยจะมุ่งส่งเสริมและเพิ่มจำนวนนักวางแผนการเงิน CFP® ผ่านการจัดทำโครงการต่างๆ และเดินหน้าให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้ ถึงความสำคัญของการวางแผนการเงินให้กับคนไทยทุกช่วงวัย โดยเริ่มตั้งแต่ระดับอุดมศึกษา ไปจนถึงวัยเกษียณด้วย

นอกจากนี้ จะเร่งแก้ความเข้าใจผิด หลังพบว่าคนไทยยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการวางแผนการเงิน ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า นักวางแผนการเงินมีไว้สำหรับให้คนรวยเท่านั้น ส่งผลให้ในอดีตมีการใช้บริการนักวางแผนการเงินน้อยมาก แม้ปัจจุบันจะมีการใช้บริการเพิ่มขึ้นก็ตาม เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่มีรายได้ทุกคน จำเป็นต้องมีการวางแผนทางการเงิน

ทั้งนี้ จากผลสำรวจผู้ใช้บริการใน 15 ประเทศทั่วโลก พบว่า 84% ของลูกค้าที่ใช้บริการ เห็นว่าการใช้บริการกับนักวางแผนการเงิน CFP ให้ประโยชน์คุ้มค่าเกินกว่าค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้นักวางแผนการเงิน

นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดว่า นักวางแผนการเงินมีผลประโยชน์แฝง ไม่ได้ให้คำแนะนำที่ควรจะเป็น แต่ต้องการเพียง “ขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน” ที่แนะนำเท่านั้น ซึ่งในความจริงแล้ว 98% ของลูกค้าที่ได้รับคำแนะนำจากนักวางแผนการเงิน CFP ไว้ใจว่า นักวางแผนการเงิน CFP คำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้าได้ผลตอบแทนบรรลุตามเป้าหมายของแผนการเงินที่วางไว้

โดยเรื่องนี้ถือเป็นจรรยาบรรณที่สำคัญและกำหนดไว้ เป็นข้อแรก ที่นักวางแผนการเงินทุกคนต้องยึดปฏิบัติ ที่ต้องให้คำแนะนำในการวางแผนการเงิน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ