ทำไม? จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น “หนี้” รวม 4 วิธี แก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

    ทำไม? จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น “หนี้” รวม 4 วิธี แก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต

    Date Time: 27 พ.ย. 2566 15:39 น.

    Video

    ชีวิตนี้ผมจะไม่เป็นหนี้! “หมอสอง” กับก้าวใหม่ในวันที่เป็นคุณพ่อ l Money Secret EP.15

    Summary

    รวม 4 วิธี แก้ปัญหา หนี้บัตรเครดิต เมื่อ การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ เป็นจุดเริ่มต้น ของหนี้สะสม แก้ยาก เจอดอกเบี้ย 2 เด้ง ขณะนับถอยหลัง ม.ค. 2567 ธนาคารปรับเกณฑ์ ยอดจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ จาก 5% เป็น 8% ก่อนเป็น 10% ฐานปกติ ในปี 2568

    Latest


    คงต้องแก้ไข พฤติกรรม “การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ” กันด่วนๆ แล้ว หลังจาก งวดเดือนมกราคม ปี 2567 นี้แล้ว ที่แต่ละธนาคาร จะเปลี่ยนเงื่อนไข การชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิต เป็น 8% จากใบแจ้งยอดค่าใช้จ่าย ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากเดิม ที่อยู่ 5% ก่อนจะกลับไปสู่เกณฑ์ปกติที่ 10% ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป 

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะอยากเน้นย้ำก็คือ การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยไม่เปลี่ยนแปลง จนดอกเบี้ยสะสม เกินความสามารถในการชำระหนี้ จะก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็น การทำให้เราเสียประวัติ ติดเครดิตบูโร ติดแบล็กลิสต์ หรือแม้กระทั่ง เมื่อยามฉุกเฉินจำเป็น ก็อาจส่งผลให้ กู้สินเชื่ออื่นๆไม่ผ่านอีกด้วย เพราะ ประวัติการผิดนัดชำระหนี้ จะไปปรากฏในบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ เครดิตบูโร เมื่อต้องทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ในอนาคต 

    ข้อมูลจากธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย และศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ นับเป็นจุดเริ่มต้นของหนี้บัตรเครดิตก้อนโต ที่เราอาจคิดไม่ถึง และลบข้อดีของ “บัตรเครดิต” ไป ไม่ว่าจะเป็นส่วนช่วยให้คนเราสามารถเป็นเจ้าของในสิ่งที่เราต้องการได้โดยไม่ต้องรอ และยังช่วยเป็นวงเงินสำรองในกรณีที่เรามีเหตุต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน

    การจ่ายบัตรขั้นต่ำ เสี่ยงคิดดอกเบี้ย 2 เด้ง 

    ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่า การจ่ายบัตรขั้นต่ำ หมายถึง การผ่อนชำระในยอดขั้นต่ำที่ธนาคารเจ้าของบัตรกำหนดมาให้ ซึ่งปีหน้า เจ้าของบัตรต่างๆ กำลังจะปรับเกณฑ์ดังกล่าวเป็น 8% ของยอดการใช้จ่ายทั้งหมดที่เราได้รูดบัตรไป

    ซึ่งดูเผินๆ การจ่ายค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำ เหมือนจะเป็นวิธีประหยัดเงิน ทำให้เรามีเงินสดเหลือพอที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเอาไปลงทุนได้ แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่อย่างสิ้นเชิง เพราะ บัตรเครดิตจะมีสิ่งที่เรียกว่า “ระยะปลอดหนี้” หรือ “ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย” 

    ซึ่งคือระยะเวลาที่ธนาคารเจ้าของบัตรจะยังไม่คิดดอกเบี้ย หากเราสามารถชำระยอดนั้นคืนทั้งหมดภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เราก็จะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเลยซักบาท แต่หากเราเริ่มจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำเมื่อไร ระยะปลอดดอกเบี้ยนั้นจะสิ้นสุดลง และจะถูกคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตทันที โดย ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ 16% ต่อปีเลยทีเดียว 

    เราจะถูกคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิต 2 ต่อ คือ ยอดดอกเบี้ยที่คำนวณจากยอดทั้งหมดที่คุณรูดไป กับยอดดอกเบี้ยที่คำนวณจากวงเงินคงเหลือหลังจากที่จ่ายคืนแบบขั้นต่ำไปแล้ว และดอกเบี้ยจะถูกคิดเป็นรายวัน นับตั้งแต่วันแรกที่รูดบัตรไปจนถึงกำหนดตัดรอบบิลอีกรอบต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะสามารถจ่ายหนี้บัตรเครดิตได้ทั้งหมด

    4 วิธี แก้ปัญหา หนี้บัตรเครดิต 

    สำหรับ วิธีจัดการปัญหาหนี้บัตรเครดิต เมื่อจำเป็นต้องจ่ายขั้นต่ำนั้น ซีไอเอ็มบีไทย ชี้ว่า แม้การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ เสี่ยงดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ในกรณีที่เรามีความจำเป็นต้องจ่ายขั้นต่ำจริงๆ ก็ย่อมสามารถทำได้ แล้วจะปรับแก้ โปะเพิ่มในรอบบิลถัดไป ที่เริ่มมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น 

    ขณะเดียวกัน หากยังไม่มีเงินก้อนมากพอจะ ปิดหนี้บัตรเครดิต แนะให้จ่ายค่าบัตรเครดิตในยอดที่สูงกว่ายอดขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดมาซักเล็กน้อย เพื่อให้เงินส่วนนั้นไปหักยอดเงินต้น ส่งผลดอกเบี้ยในรอบบิลถัดไปลดน้อยลงได้ รวมถึงก็ยังมีอีก 4 วิธี แก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตได้โดยง่าย ดังต่อไปนี้ 

    เปลี่ยนมาใช้เงินสด ระหว่างที่มียอดหนี้ค้างชำระอยู่ในบัตรเครดิต พยายามอย่าสร้างหนี้ก้อนใหม่ด้วยการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าหรือบริการเพราะจะทำให้เกิดยอดหนี้ใหม่ขึ้นในบัตร ฉะนั้น การที่ยังใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะยิ่งทำให้เรามีหนี้สะสมเพิ่ม ทางแก้ที่ถูกต้อง อาจเป็นการใช้เงินสดในการใช้จ่ายระหว่างที่ยังปิดหนี้บัตรเครดิตไม่ได้ไปก่อนจะเป็นการดีกว่า

    จ่ายค่าบัตรเครดิตให้ตรงเวลา หากมีความจำเป็นต้องจ่ายค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำจริงๆ อย่างน้อยที่สุด ต้องเร่งจ่ายค่าบัตรเครดิตให้ตรงเวลาที่ธนาคารกำหนดไว้ เพราะการค้างจ่ายค่าบัตรเครดิต หรือชำระหนี้ล่าช้า จะยิ่งทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นไปอีก แย่ไปกว่านั้นคือ การผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิต ยังส่งผลเสียต่อประวัติการเงินอีกด้วย

    ปรึกษาธนาคาร หากรู้สึกว่า มีหนี้บัตรเครดิตมากจนรับมือได้ยาก อย่ากลัวที่จะเข้าไปปรึกษากับทางธนาคาร ให้รีบติดต่อธนาคารเจ้าของบัตร และลองสอบถามแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมแจ้งธนาคารไปเลยว่ามีปัญหาอะไรทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ทางธนาคารอาจจะแนะนำให้ทำการ กู้สินเชื่อรวมหนี้ หรือปรับเปลี่ยนเป็นสินเชื่อรูปแบบอื่น ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า ปัญหาหนี้ที่ตึงอยู่ก็อาจจะผ่อนคลายลงได้

    รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ การกู้สินเชื่อก้อนใหม่มาเพื่อปิดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด และเปลี่ยนมาผ่อนชำระคืนกับสินเชื่อก้อนใหม่แทน วิธีนี้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่เพิ่มพูนจากการจ่ายขั้นต่ำได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เราปิดหนี้บัตรเครดิตที่มีได้ครบทุกใบ ทำให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้แต่ละงวด พร้อมกับยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้ออกไปได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องดอกเบี้ยสะสมอีกด้วย 


    Author

    กองบรรณาธิการ

    กองบรรณาธิการ