
ธอส.ปลื้มทำให้คนไทยมีบ้านได้ง่ายขึ้น โชว์ผลการดำเนินงานปี 63 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 2.2 แสนล้าน เพิ่มขึ้นจากปี 62 สูงถึง 4.57% และสูงกว่าเป้าหมายถึง 15,791 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. กล่าวว่า ในปี 63 ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารมาในรอบ 67 ปี โดยปล่อยสินเชื่อสูงสุดถึง 225,151 ล้านบาท 140,386 บัญชี หรือเพิ่มขึ้น 4.57% เมื่อเทียบกับปี 62 และสูงกว่าเป้าหมายถึง 15,791 ล้านบาท โดยแบ่งได้ดังนี้
- สินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 88,007 ราย ทำให้มียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,320,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.18%
- มีสินทรัพย์รวม 1,399,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.41%
- เงินฝากรวม 1,162,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%
- มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 47,572 ล้านบาท คิดเป็น 3.60% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากปี 2562 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.09%
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารที่ได้รับกระทบจาก COVID-19 ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้การเกิด NPL อยู่ในอัตราที่ลดต่ำลง ซึ่งในปี 63 ธอส. ช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 10 มาตรการ มีจำนวนสูงสุด 687,489 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 576,139 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังได้ทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต และเพื่อรองรับมาตรฐาน TFRS 9 เป็นจำนวน 96,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.18% หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 202.76% สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธนาคารและความพร้อมในการรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ในอนาคต
อย่างไรก็ตามในปี 63 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 10,494 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2,858 ล้านบาท หรือ 21.41% เนื่องจากธนาคารลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงเพื่อช่วยเหลือลูกค้า ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 15.30% (ณ พ.ย.63) สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมายแม้มีโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา คือ ธอส. นำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากออมทรัพย์ มาออกผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาดและตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละอาชีพ
ทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Social Solution สำหรับผู้มีรายได้น้อย อาทิ มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. ยอดอนุมัติและทำนิติกรรมสูงสุดถึง 28,540 ล้านบาท โครงการบ้าน ธอส. เราไม่ทิ้งกัน 28,900 ล้านบาท
ขณะที่สินเชื่อในกลุ่ม Business Solution สำหรับผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป ผลิตภัณฑ์ที่มียอดอนุมัติและทำนิติกรรมสูงสุดคือ สินเชื่อ D Plus ไตรมาส 3-4 จำนวน 21,970 ล้านบาท รวมถึงแรงส่งจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และการจัดทำโปรโมชั่นกระตุ้นการขายของผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ในปีนี้ 64 นี้ ธนาคารเตรียมจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดใหม่ นำมาจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่จำนวน 215,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากเป้าหมายในปี 2563 สินเชื่อคงค้างที่ 1,374,116 ล้านบาท
รวมถึงการยกระดับบริการธนาคารสู่ Digital Service Bank ในปี 2564 และก้าวไปสู่การเป็น Digital Bank อย่างเต็มรูปแบบในปี 2566 ตาม Roadmap บันได 3 ขั้น ด้วยการนำบริการหลักทั้งสินเชื่อและเงินฝากขึ้น Digital Platform เพื่อให้บริการลูกค้าโดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา ตั้งเป้าลดจำนวนธุรกรรมที่เคาน์เตอร์ภายในสาขาให้เหลือ 5% ของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด
ส่วนจำนวนธุรกรรมผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ตู้ชำระเงินกู้ LRM หรือ QR Non Cash Payment ที่หน้าสาขาเหลือ 15% และเพิ่มจำนวนธุรกรรมผ่าน Application : GHB ALL เป็น 80% ภายในปี 2565 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ GHB New Normal Services ในเฟสที่ 3 ซึ่งมีกำหนดให้บริการในเดือน มี.ค. 64
รวมถึงเดินหน้าโครงการ Virtual Branch หน่วยบริการสินเชื่อไร้ที่ทำการ โดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา แต่ยังคงได้รับบริการเสมือนอยู่ที่สาขา ซึ่งเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. 64 มีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ผ่านโครงการจำนวน 10,000 ล้านบาท