ผู้ประกันตนเตรียมเฮรับเงิน รอลุ้น 2 รัฐมนตรีประชุมหาข้อสรุปจ่ายเยียวยา

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ผู้ประกันตนเตรียมเฮรับเงิน รอลุ้น 2 รัฐมนตรีประชุมหาข้อสรุปจ่ายเยียวยา

Date Time: 29 ม.ค. 2564 08:35 น.

Summary

  • โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือผู้อยู่ในระบบประกันสังคมราว 11 ล้านคนนั้น ต้องรอการหารือระหว่าง รมว.คลัง และ รมว.แรงงานก่อน

Latest

5 พฤติกรรมเสี่ยง ที่นักลงทุน (คิดว่า)เก่ง มักทำ แล้วเจ็บจริง มั่นใจจัด สุดท้ายพังทั้งพอร์ต

คนในระบบประกันสังคม ม.33 อาจมีโอกาสได้รับเงินเยียวยาบ้าง รอให้ รมว.คลังหารือกับ รมว.แรงงานก่อน ชี้ยังมีเงินเหลือ 390,000 ล้านบาท กระทรวงการคลังหั่นเป้าเศรษฐกิจปี 64 เหลือ 2.8% จากเดิม 4.5% เหตุโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ทำนักท่องเที่ยวต่างชาติหายวับเหลือ 5 ล้านคน รายได้วูบเหลือ 2.6 แสนล้านบาท ส่วนปี 63 ขยายตัวติดลบ 6.5% จากเดิมติดลบ 7.7%

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือผู้อยู่ในระบบประกันสังคมราว 11 ล้านคนนั้น ต้องรอการหารือระหว่าง รมว.คลัง และ รมว.แรงงานก่อน หากต้องช่วยเหลือก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของการใช้เงิน พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังมีเงินเหลือราว 390,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ วันที่ 29 ม.ค.นี้ เป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือโครงการเราชนะ วงเงินคนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน รวม 7,000 บาท โดยกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ต้องลงทะเบียน เพราะจะได้รับเงินโดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขของโครงการ โอนงวดแรกวันที่ 5 ก.พ.นี้ ส่วนผู้ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง รอการคัดกรองว่าผ่านคุณสมบัติรับเงินช่วยเหลือภายใต้โครงการเราชนะหรือไม่ ซึ่งผู้ที่ผ่านเข้าเงื่อนไขโครงการเราชนะจะได้รับเงินงวดแรก 18 ก.พ.นี้

“การลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com และมีเวลาลงทะเบียนถึงวันที่ 12 ก.พ.นี้ ประชาชนที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่มีแอปเป๋าตัง ร้านค้า วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ ก็ทยอยลงทะเบียนได้ ขอแนะนำว่าการลงทะเบียนให้ใจเย็นๆ สะกดชื่อที่อยู่ให้ถูกต้อง ไม่ต้องรีบ เพราะระบบไม่มีเต็ม ลงทะเบียนได้ 24 ชั่วโมง”

สำหรับโครงการคนละครึ่งที่ลงทะเบียนแล้ว 15 ล้านคน ล่าสุด ณ วันที่ 27 ม.ค.64 มีการใช้สิทธิแล้ว 14.3 ล้านคน เกิดการใช้จ่ายแล้ว 73,500 ล้านบาท เหลือผู้ยังไม่มาใช้สิทธิ 400,000 คน และไม่ยืนยันตัวตนอีก 300,000 คน ดังนั้น ให้เร่งดำเนินการและใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 7 ก.พ.นี้ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิทันที ส่วนคนที่ไม่ยืนยันตัวตน 300,000 คน หากไม่ใช่ข้าราชการ ไม่ใช่พนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็สามารถลงทะเบียนรับสิทธิเราชนะได้ และขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างคัดกรองผู้ใช้สิทธิคนละครึ่งทั้งหมดว่ามีจำนวนเท่าใดที่ใช้สิทธิและใช้เงินหมดแล้ว ซึ่งคาดว่าหลังวันที่ 7 ก.พ.นี้ จะมีข้อมูลที่ชัดเจนทั้งหมด ส่วนจะพิจารณาขยายโครงการคนละครึ่งอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะดำเนินการหรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดการณ์เศรษฐกิจปี 64 ว่า จะขยายตัว 2.8% เป็นการปรับลดจากครั้งก่อนที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.5% เป็นผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ ชะลอตัวลง โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเข้ามาเที่ยวไทยเหลือเพียง 5 ล้านคน มีรายได้เข้าประเทศเพียง 260,000 ล้านบาท จากปี 63 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย 6.7 ล้านคน มีรายได้เข้าประเทศ 330,000 ล้านบาท ส่วนอัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกจากเดิมประเมินไว้ที่ 6% เพิ่มเป็น 6.2% ขณะที่คาดการณ์ ว่าค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 29.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 45-55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ส่วนประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 63 จะหดตัว โดยติดลบ 6.5% เพิ่มขึ้นจากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ติดลบ 7.7% เนื่องจากช่วงปลายปี การควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ของไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้ปลายปีมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลากหลาย และมีมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 63 ส่วนมูลค่าการส่งออกเดิมคาดว่าจะติดลบ 7.8% ปรับเป็นลบ 6.6% โดยตัวเลขจริง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะเปิดเผยวันที่ 15 ก.พ.นี้

น.ส.กุลยา กล่าวว่า แม้ไทยและทั่วโลกจะเผชิญการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่แต่มีสัญญาณบวกจากการมีวัคซีน และเริ่มทยอยฉีดให้กับประชาชนในหลายประเทศแล้ว รวมถึงประเทศไทย ขณะที่รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเบิกจ่ายเงินตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยกระตุ้นการบริโภคและการจ้างงานในประเทศให้สูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจปี 64 ค่อยๆฟื้นตัว โดยโครงการคนละครึ่ง คาดว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจขยายตัว 0.12% ส่วนโครงการเราชนะจะมีผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจ 0.5-0.6%.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ