โควิด-19 ซัดทำยอดใช้พร้อมเพย์พุ่ง ธปท.ได้ทีเตรียม 5 แผนสร้างโลกการเงินดิจิทัล

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

โควิด-19 ซัดทำยอดใช้พร้อมเพย์พุ่ง ธปท.ได้ทีเตรียม 5 แผนสร้างโลกการเงินดิจิทัล

Date Time: 19 ก.ย. 2563 06:01 น.

Summary

  • ธปท.พร้อมรองรับระบบการเงินดิจิทัลหลังโควิด–19 ทำคนใช้พร้อมเพย์พุ่ง 55.1 บัญชี ยอดใช้สูงสุด 20 ล้านรายการต่อวัน เตรียมเดินหน้า 5 ด้าน ใช้ ISO 20022

Latest

เจาะลึก "บัญชีเงินฝากเพื่อการลงทุน" ทางเลือกบริหารเงินยุคใหม่ ฝากเงินให้ดอกเบี้ยสูงกว่า ลงทุนสะดวก

ธปท.พร้อมรองรับระบบการเงินดิจิทัลหลังโควิด–19 ทำคนใช้พร้อมเพย์พุ่ง 55.1 บัญชี ยอดใช้สูงสุด 20 ล้านรายการต่อวัน เตรียมเดินหน้า 5 ด้าน ใช้ ISO 20022 ในการรับส่งข้อมูล เปิดตัวเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสู่ภาคธุรกิจ สร้างรอยเท้าดิจิทัล–ดิจิทัลไอดี แสดงตัวตน และพฤติกรรมรายบุคคล รวมถึงการปล่อยกู้ออนไลน์ ช่วยให้คนไทยธุรกิจไทยลดต้นทุน และก้าวเข้าสู่วิถีใหม่ได้เร็วขึ้น

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการเปิดงาน Bangkok FinTech Fair 2020 “พร้อมรับวิถีใหม่ SME ก้าวต่อไปด้วยดิจิทัล” ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ (New normal) หลังโควิด-19 ได้เร่งพัฒนาการของระบบการเงินดิจิทัลของประเทศไทยอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากการใช้บริการระบบโอนเงินพร้อมเพย์ที่วันนี้มีจำนวนผู้มีบัญชีเงินฝากที่ผูกกับระบบพร้อมเพย์แล้ว 55.1 ล้านราย และมีรายการธุรกรรมที่ใช้บริการต่อวันสูงสุด 20 ล้านรายการต่อวัน ขณะที่มีร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ดแล้วกว่า 6 ล้านราย และเราเริ่มเห็นการเบิกเงินจากสาขาธนาคารตู้เอทีเอ็มและการใช้เช็คลดลงมาก โดยธุรกิจจำนวนมากได้เรียนรู้เทคโนโลยีในการชำระเงินและนำไปใช้ประโยชน์มากขึ้น

ขณะเดียวกัน ธปท.ได้พัฒนาเงินดิจิทัลของธนาคารกลางผ่านโครงการอินทนนท์ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินเพิ่มขึ้น เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างน้อยกว่าการใช้เงินสด โดยที่ผ่านมา ได้เริ่มใช้เงินดิจิทัลในการชำระเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์และเริ่มธุรกรรมการชำระเงินข้ามประเทศกับธนาคารฮ่องกง รวมทั้งการใช้ชำระค่าพันธบัตร นอกจากนั้น ยังมีการพัฒนาระบบการใช้ชีวมิติ ต่างๆ เพื่อแสดงตัวตนในการทำธุรกรรมออนไลน์กับธนาคารพาณิชย์ โดยใช้การสแกนใบหน้า และประเด็นสุดท้ายที่ ธปท.ได้เริ่มดำเนินการคือ การให้บริการสินเชื่อโดยตรงระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้โดยไม่ผ่านสถาบันการเงิน หรือ Peer-to-Peer Lending Platform

ขณะเดียวกัน ในระยะต่อไปเพื่อรองรับการเข้าสู่เศรษฐกิจที่จะใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมมากขึ้นของประเทศไทย ธปท.จะเร่งดำเนินการต่อเนื่องใน 5 ด้าน คือ 1.การนำมาตรฐานสากล ISO 20022 มาใช้รับ-ส่งข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน ทั้งการโอนเงินและชำระเงิน การซื้อขายหลักทรัพย์ การซื้อขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน การใช้บัตรเครดิต/เดบิต และการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ เพื่อให้มีช่องทางในการทำธุรกิจ และมีข้อมูลการทำธุรกิจบนโลกดิจิทัลที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้

2.การสร้างข้อมูลทางเลือกในการขอสินเชื่อ หรือทำธุรกรรมการเงิน โดยใช้การตามรอยเท้าดิจิทัล (digital footprint) ของแต่ละบุคคล เช่น การใช้จ่าย ชำระค่าบิลต่างๆ หรือการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพื่อให้ธนาคารหรือธุรกิจนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบในการทำธุรกิจ เช่น การประเมินสินเชื่อ 3.การสร้างดิจิทัลไอดี เพื่อการแสดงตัวตนของบุคคลแต่ละคนในโลกออนไลน์ หรือการใช้ชีวมิติต่างๆในการแสดงตัวตน ซึ่งในอนาคตอาจจะนำไปสู่บัตรประชาชนดิจิทัล โดยเชื่อมโยงให้สามารถใช้บริการได้มากกว่าบริการทางการเงิน โดยมีข้อมูลที่จำเป็นของเจ้าของไอดีในการรับบริการในหน่วยงานหรือสถานที่อื่นๆ ครบถ้วน โดยไม่ต้องพกบัตรมากมายเหมือนปัจจุบัน

4.การขยายการใช้เงินดิจิทัลของธนาคารกลางสู่การชำระระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจ และประชาชนสู่ประชาชน โดยขณะนี้ได้อยู่ระหว่างการทดลองโดยให้ภาคเอกชนรายใหญ่และซัพพลายเออร์ใช้เงินดิจิทัลในการชำระค่าสินค้าระหว่างกัน และพิจารณาข้อดีข้อเสียการใช้เงินดิจิทัลระหว่างประชาชน 5.การเปิดให้บริการทางการเงินแบบใหม่ ทั้งการให้สินเชื่อดิจิทัลผ่านระบบออนไลน์ (Digital Personal Loan) ที่ใช้ข้อมูลทางเลือก เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ พฤติกรรมการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในการอนุมัติสินเชื่อ รวมทั้งการให้สินเชื่อแฟกตอริงสำหรับเอสเอ็มอีที่จะดำเนินการผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น

“ขณะนี้ ธปท.เพิ่งออกหลักเกณฑ์สินเชื่อดิจิทัลที่จะให้โอกาสผู้มีอาชีพอิสระได้สินเชื่อมากขึ้นและง่ายขึ้น โดยผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับอยู่แล้ว หากต้องการทำสินเชื่อดิจิทัลต้องแจ้งมาที่ ธปท. และแสดงให้เห็นว่ามีระบบงานพร้อมรองรับก็สามารถปล่อยกู้ได้ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีในอนุญาตก็สามารถขอใบอนุญาตทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อทำธุรกิจนี้ได้ถ้ามีความพร้อมเข้าเกณฑ์ต่างๆที่กำหนด โดยปัจจุบันมีผู้ที่พร้อมทำธุรกรรมด้านนี้อยู่แล้วและมาหารือ ธปท.ประมาณ 3-4 ราย”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ