ธปท.เชื่อมั่นฟินเทคช่วยยกระดับ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “ทิศทางนโยบายของ ธปท. ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน” เปิดงาน “Bangkok FinTech Fair 2018” : SME and Consumer Financial Solutions ซึ่งเป็นการจัดงานในด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ครั้งแรกในไทย ว่า การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทางการเงินมีความรวดเร็วมาก และมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ นำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ จึงเป็นเรื่องที่ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจเองจำเป็นต้องให้ความสำคัญและปรับตัวให้ทันเพื่อเข้าสู่สังคมดิจิทัล

ทั้งนี้ ธปท.มองว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางการเงินพัฒนาศักยภาพของเศรษฐกิจไทยใน 3 ด้าน คือ ด้านแรกการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพทางเศรษฐกิจ โดยฟินเทคจะช่วยให้ภาคธุรกิจมีต้นทุนลดลง และสร้างผลิตภาพของการผลิตที่สูงขึ้นได้ คนมีโอกาสหารายได้เพิ่มในช่องทางใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีที่บริหารสต๊อกได้ดีขึ้น ลดต้นทุนได้ สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ๆด้วยแพลตฟอร์มใหม่ๆได้ดีขึ้น รวมทั้งช่วยชดเชยจำนวนแรงงานที่ลดลงในสังคมสูงอายุ ด้านที่ 2 การใช้เทคโนโลยีการเงินใหม่ๆ และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big data ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อได้ดีขึ้น โดยทั้งฟินเทคและบล็อกเชน ก็ช่วยตอบโจทย์ในแง่การลดความเสี่ยงช่วยป้องกันภัยการเงินเพิ่มความปลอดภัยรบบได้ เช่น การใช้การพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบไบโอเมทริกซ์ หรือเทคโนโลยีชีวภาพ สแกนนิ้ว เสียงหรือม่านตา ที่จะช่วยลดการเข้าถึงบัญชีของมิจฉาชีพได้ และด้านที่3 ช่วยให้คนเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้นด้วยแพลตฟอร์มใหม่ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงด้วยต้นทุนที่ถูกลง ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มโอกาสและรายได้ให้มากขึ้น

“ช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการนำฟินเทคมาใช้ในมิติต่างๆ เช่น การโอนเงินด้วยระบบพร้อมเพย์ ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียน 39 ล้านบัญชี การใช้คิวอาร์โค้ดมาตรฐานไทย ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ต้องใช้เวลาจนกว่าผู้บริโภคจะมีความไว้ใจและคุ้นเคย ซึ่งเมื่อเกิดความมั่นใจแล้วจะช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก”.