ธปท.เปิด 5 หางเสือ ทิศทางการดำเนินงานของ ธปท.ปีนี้และปีหน้า ดูแลเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน แก้หนี้ครัวเรือนเหลือ 80% จีดีพี ดันธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจสีเขียว สร้างโครงสร้างพื้นฐานการเงินดิจิทัล และการปรับองค์กรให้ทันสมัย
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทางของ ธปท.ในระยะต่อไป โดยจะปรับหางเสือของ ธปท.ให้ชัดเจนมากขึ้นทั้งปีนี้และปีหน้า โดยหางเสือแรกที่ ธปท.ต้องดูจากบริบทของเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว โดยคาดว่าจะฟื้นเท่าช่วงก่อนโควิดได้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งโจทย์ของ ธปท.คือพยายามให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจราบรื่น และไม่สะดุด โดยสิ่งที่ทำให้การฟื้นตัวสะดุดคือเงินเฟ้อที่สูงเกินไป หรือระบบการเงินตึงตัวเกินไป ไม่ทำหน้าที่ปล่อยสภาพคล่อง ซึ่งต้องดูแลระบบการเงินผ่านการปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจไทยภายใต้การดูแลกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ และหากจำเป็นต้องประชุมนโยบายการเงินวาระพิเศษ ก็สามารถที่จะทำได้
หางเสือที่สอง คือการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ต้องฟื้นตัวอย่างยั่งยืน โดย ธปท.จะดูแลคือหนี้ครัวเรือนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับระบบเศรษฐกิจ และภาระการผ่อนส่งของประชาชน โดยหนี้ครัวเรือนไทยขึ้นไปสูงสุดที่ 90% ของจีดีพีในช่วงวิกฤติโควิด แม้ไตรมาส 2 จะลดลงอยู่ที่ 88% แต่ก็ยังสูงเกินไปและอาจก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต โดยระดับที่ยั่งยืนตามมาตรฐานการเงินสากลของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) คือ 80% ของจีดีพี ซึ่งต้องพยายามทำให้หนี้ครัวเรือนลดลง โดยการแก้หนี้ต้องไม่บิดเบือนระบบหรือสร้างปัญหาในอนาคต
“ขณะนี้ทุกคนอยากให้ลดหนี้มากๆ ลดเร็วๆ หรืออยากให้ไปลบประวัติในเครดิตบูโรทั้งหมด ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ เช่น ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ หรือหากไม่มีประวัติในเครดิตบูโรเลย ธนาคารพาณิชย์อาจไม่มั่นใจในการปล่อยกู้มากขึ้นในอนาคต ดังนั้น ทุกอย่างต้องทำอย่างเหมาะสม”
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อว่า หางเสือที่ 3 คือ การเข้าสู่กระแสเศรษฐกิจสีเขียว (กรีน อีโคโนมี) หรือการทำธุรกิจภายใต้การรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่ง ธปท.จะผลักดันผ่านการปรับระบบการเงิน และการปล่อยสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ และสินเชื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีทุนปรับธุรกิจไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว ส่วนหางเสือที่ 4 ของ ธปท.คือ การสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสให้ธุรกิจใหม่ นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาในประเทศไทย และสร้างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งเรามีทั้งพร้อมเพย์และคิวอาร์โค้ด แต่ยังต้องต่อยอดการใช้ระบบการเงินดิจิทัลให้สามารถดำเนินการข้ามประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งการใช้เงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางมาเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ และการทำระบบพร้อมเพย์ระหว่างเอสเอ็มอี “เมื่อวางหางเสือทั้งหมดในการดำเนินการของ ธปท.ปีนี้และปีหน้าแล้ว ภารกิจสุดท้าย หรือหางเสือที่ 5 ที่ต้องทำคือ การปรับหางเสือในองค์กร ธปท.เพื่อให้องค์กร ธปท. ที่มีอายุ 80 ปี สามารถที่จะรับมือและดำเนินการกับ 4 เรื่องแรกให้ได้อย่างดี”
นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ธปท.ด้านเสถียรภาพระบบการเงิน กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยของ กนง.ต้องคำนึงถึงการดูแลหนี้ครัวเรือน ซึ่งคนที่มีหนี้สินสูงเป็นคนที่มีรายได้น้อยหรือรายได้ยังไม่กลับมามากพอ ทำให้ต้องมีมาตรการดูแลคนกลุ่มนี้ควบคู่กันไป ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่คำนึงถึงส่วนต่างดอกเบี้ยกับต่างประเทศมากนัก แต่จะดูแลเศรษฐกิจเราเป็นหลักและไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดูแลค่าเงินบาท”.