ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 ก.ค.64 ที่ผ่านมา เป็นวันแรกของการเริ่มใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยพบว่า ช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนออกมาใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ระบบแอปพลิเคชันเป๋าตังได้เกิดปัญหาขัดข้อง เนื่องจากเป็นวันแรก แต่ช่วงสายๆ แอปพลิเคชันเป๋าตัง และถุงเงิน ได้กลับมาสามารถใช้งานได้ตามปกติ โดยพบว่า ประชาชนเริ่มทยอยจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการคนละครึ่งแล้วตั้งแต่วันแรก ส่วนใหญ่เน้นการซื้ออาหารกลางวันเป็นหลัก แต่ก็ไม่คึกคักเท่ากับครั้งแรก เนื่องจากประชาชนยังไม่ค่อยกล้าที่จะออกมาจับจ่าย เพราะมีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และไม่มีเงินที่จะเติมเงินเข้าระบบ เนื่องจากเป็นโครงการคนละครึ่งที่รัฐออกให้ 50% ประชาชนต้องเติมเงินอีก 50% จึงจะสามารถจับจ่ายใช้สอยได้
ส่วนความคืบหน้าการลงทะเบียน ณ เวลา 17.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ยอดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง 28.8 ล้านคนแล้ว เหลืออีก 2.20 ล้านคน ก็จะครบ 31 ล้านคน เต็มจำนวนที่กำหนดไว้ ส่วนการลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้ไม่หวือหวา ประชาชนไม่ค่อยให้ความสนใจ โดยมีการลงทะเบียนแล้ว 464,646 คน ยังเหลืออีก 3,535,354 คน จึงจะครบ 4 ล้านคน โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนไปจนครบจำนวนทั้ง 2โครงการ โดยประชาชนมีสิทธิ์เลือกได้เพียงโครงการเดียว
ด้านนางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากกรณีที่ประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่สามารถใช้เงินโครงการคนละครึ่งในวันแรกได้ เนื่องจากติดปัญหายืนยันตัวตน และไม่สามารถเดินทางไปยืนยันตัวตนที่ตู้เอทีเอ็ม หรือสาขาธนาคารกรุงไทยได้นั้น ขอย้ำว่าผู้ที่ได้รับสิทธิ์ต้องยืนยันตัวตนด้วยตนเองเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้จ่ายโดยทำเฉพาะผู้ที่ไม่เคยยืนยันตัวตนผ่านบัตรประชาชนมาก่อน โดยดำเนินการได้ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย (สีเทา) หรือสาขาธนาคารกรุงไทย
“การยืนยันตัวตนสามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรีบ เพราะไม่มีหมดเขตยืนยันตัวตนแต่อย่างใด โดยหากยืนยันตัวตนเสร็จสิ้นก็สามารถเริ่มใช้จ่ายได้ทันที ซึ่งในงวดแรกจะได้รับวงเงินก่อน 1,500 บาท เพื่อใช้จ่ายใน 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.64 ส่วนงวดที่ 2 จะโอนเงินให้อีก 1,500 บาท ในเดือน ต.ค. เพื่อใช้จ่ายในเดือน ต.ค.-ธ.ค.64”.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง