น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงบประมาณได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ทราบถึงความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณ ณ ไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2564 (1 ต.ค.2563-31 มี.ค.2564) ว่า แม้จะอยู่ ระหว่างเผชิญสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งมิติพื้นที่ กลุ่มธุรกิจ การลงทุน และการดำเนินชีวิตของประชาชน แต่ปรากฏว่าผลการใช้จ่าย โดยเฉพาะการก่อหนี้ผูกพันของส่วนราชการและหน่วยรับงบประมาณต่างๆในภาพรวมถือว่าสูงกว่าเป้าหมายตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และแผนการใช้จ่ายงบประมาณกำหนด แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขปัญหาอุปสรรคในบางประเด็น เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์จึงมีข้อสั่งการให้ส่วนราชการ และหน่วยรับงบประมาณทุกหน่วยดำเนินการตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด โดยให้เร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณโดยเฉพาะกรณีรายจ่ายลงทุนรายการปีเดียวและรายการผูกพันใหม่ให้แล้วเสร็จ เนื่องจากขณะนี้ได้เข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณแล้ว และให้เร่งรัด ติดตามและประเมินการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายหรือแผนที่กำหนด โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและการกระตุ้นให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงมีต่อเนื่อง ให้พิจารณาปรับแนวทางการใช้จ่ายที่สอดคล้องกับบริบทใหม่ที่เปลี่ยนไป (new normal) เพื่อให้การใช้จ่ายเป็นไปตามวัตถุประสงค์เกิดประโยชน์กับประชาชน ส่วนกรณีข้อติดขัดเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ให้กระทรวงการคลังเร่งสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจแก่บุคลากรทุกหน่วยงาน
สำหรับการเบิกจ่ายที่สำนักงบประมาณรายงาน จากงบประมาณรายจ่ายรวม 3.28 ล้านล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยรับ งบประมาณต่างๆได้เบิกจ่ายแล้ว 1.55 ล้านล้านบาท มีการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 1.78 ล้านล้านบาท คิดเป็น 47.21% และ 54.24% ตามลำดับ.