คลังชงเก็บแวต 7% อีก 1 ปี “สุพัฒนพงษ์” เปิดแผนฟื้นเศรษฐกิจรอบใหม่

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

คลังชงเก็บแวต 7% อีก 1 ปี “สุพัฒนพงษ์” เปิดแผนฟื้นเศรษฐกิจรอบใหม่

Date Time: 1 เม.ย. 2564 09:27 น.

Summary

  • ขุนคลังยันยังไม่ปรับขึ้นภาษีใดๆและเตรียมชง ครม.คงแวต 7% ออกไปอีก 1 ปี “สุพัฒนพงษ์” ยันรัฐบาลไม่ถังแตก พร้อมเปิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงกลุ่มต่างชาติที่เกษียณอายุพำนักยาวในไทย 1 ล้านคน

Latest

เปิดคู่มือ สร้างอิสรภาพทางการเงิน ปี 2568 ฉบับมือใหม่

ขุนคลังยันยังไม่ปรับขึ้นภาษีใดๆและเตรียมชง ครม.คงแวต 7% ออกไปอีก 1 ปี “สุพัฒนพงษ์” ยันรัฐบาลไม่ถังแตก พร้อมเปิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงกลุ่มต่างชาติที่เกษียณอายุพำนักยาวในไทย 1 ล้านคน ฟุ้งสร้างรายได้ขั้นต่ำ 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี หรือ 10% ของจีดีพี ดันลงทุน 4 อุตสาหกรรมนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีทั้งหมด โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีข้อสรุปและรายละเอียดภายในปีงบประมาณ 2564 ดังนั้นในช่วงนี้รัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่จะปรับขึ้นภาษีใดๆ รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ก็ไม่มีนโยบายปรับขึ้นด้วยเช่นกัน และเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้คงอัตราการจัดเก็บไว้เท่าเดิม คือ 7% ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมจะครบกำหนดในเดือน ก.ย.นี้

ขณะเดียวกันต้องรอการประเมินผลการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในเดือน มิ.ย.2564 นี้ ซึ่งจะสอดคล้องกับผลการศึกษาปรับโครงสร้างภาษีแล้วเสร็จ ส่วนเรื่องการจัดเก็บภาษีบุหรี่นั้น ขณะนี้กรมสรรพสามิตยังไม่ได้ส่งรายละเอียดโครงสร้างภาษีมาให้พิจารณา จึงไม่สามารถตอบได้ว่าอัตราภาษีบุหรี่จะเป็นอัตราเท่าใด ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบนั้นจะต้องพิจารณาทั้งเรื่องการขยายฐานภาษี และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ เพื่อให้การจัดเก็บรายได้สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่วนการจัดเก็บรายได้ต่ำเป้านั้น เป็นปัญหาของทุกประเทศทั่วโลก เนื่องจากทุกประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตกและไม่มีสัญญาณใดๆว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะเป็นอย่างนั้น แม้ว่าจะเป็นช่วงการเกิดไวรัสโควิดระบาด แต่ในการประเมินความเสี่ยงอยู่ในระดับ 2.47 ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่ได้มีความเสี่ยงจนน่ากังวลอะไร ในอีก 2 ปีจากนี้ยืนยันว่าจะไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้นแน่นอน ส่วนกรณีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจกลับไปจัดเก็บแวต ในอัตรา 10% ตามกฎหมายนั้น รองนายกฯ ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นภาษีแวตในเร็วๆนี้แน่นอน และยังจัดเก็บในอัตรา 7% ต่อไป

ทั้งนี้ ได้นำเสนอแผนปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อชักจูงการลงทุนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นจากสถานการณ์โควิด-19 และรองรับการท่องเที่ยวและการลงทุนให้กับนายกรัฐมนตรี และจะทำรายละเอียดเสนอในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ภายใน 1 เดือน ประกอบไปด้วยการสร้างรายได้จากชาวต่างชาติที่เกษียณอายุ ที่มีอยู่ 200 ล้านคนทั่วโลกมาใช้ชีวิตหลังเกษียณในประเทศไทย 1 ล้านคน จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 1.2 ล้านล้านบาท หรือ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จากการใช้จ่ายคนละ 100,000 บาทต่อเดือน หรือคนละ 1.2 ล้านบาทต่อปี ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องรับนักท่องเที่ยวปีละ 40 ล้านคนเหมือนที่ผ่านมา

ด้าน ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงการลงทุน เปิดเผยว่า มีแผนดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใน 4 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1.ยานยนต์ไฟฟ้า 2.การแพทย์ ซึ่งจะต่อยอดให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยา และเครื่องมือทางการแพทย์ 3.สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ 4.ดิจิทัล ซึ่งจะให้ความสำคัญในเรื่องของการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ของภูมิภาค การพัฒนาแพลตฟอร์ม การสร้างสตาร์ตอัพต่อเนื่องจาก การลงทุนที่จะเกิดขึ้น “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจรัฐบาลต้องการเห็นการขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับ 4-5% แบบมีเสถียรภาพเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากรายได้ปานกลางได้ในที่สุด ซึ่งเฉพาะ 2 อุตสาหกรรมแรกคือรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนถึง 30% ของจีดีพี ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆนั้นเป็นอุตสาหกรรมที่คู่แข่งในอาเซียนแย่งชิงให้บริษัทชั้นนำเข้าไปลงทุน”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ