หุ้นไทยปิดตลาดเช้า พุ่งขึ้น 7.41 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,571.53 จุด มูลค่าซื้อขาย 16,552.46 ล้านบาท
การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำวันที่ 4 พ.ค. 60 พบว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปิดตัวเพิ่มขึ้น 7.41 จุด เปลี่ยนแปลง +0.47% ดัชนีอยู่ที่ 1,571.53 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 16,552.46 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ 5. บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยเด่นของตลาดต่างประเทศที่สำคัญ 2 เรื่อง คือ การประชุมของ FOMC ที่คณะกรรมการ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75-1.00% แต่ด้วยเหตุผลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว (GDP q1=0.7%) นั้นเป็นเพียงชั่วคราว ทำให้จำนวนครั้งของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของปีนี้ยังคงอยู่ที่ 2 ครั้ง
ทั้งนี้ การตอบรับของตลาดต่อเรื่องนี้ คือ โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หรือ Fed Fund Rate Implies Probabilities ของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14 มิ.ย. นั้น ปรับขึ้นจาก 59.1% ไปเป็น 90.0% หลังทราบผลประชุม
ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว (30 ปี) ส่วนหนึ่งอาจมาจากข่าวที่ รมว.คลังประกาศว่า กำลังพิจารณาออกพันธบัตรที่มีระยะยาวกว่า 30 ปี (ultra-long bonds)
สำหรับปัจจัยในประเทศ ยังเป็นการเข้ามาเก็งงบไตรมาส 1 กันต่อ ขณะที่ตัวแปรด้านเศรษฐกิจกระทรวงการคลังเตรียมพิจารณาการให้เงินช่วยเหลือประชาชนที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย อาจกระตุ้นให้มีการเข้ามาเก็งผลบวกจากการใช้จ่ายของประชาชนที่สูงขึ้นได้ แต่คาดผลจะไม่มากนัก
ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ตัวแปรสำคัญผ่านไปสองตัว แต่โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น จะทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าเข้าซื้อหุ้น การโยกย้ายเงินลงทุนของกองทุนฯ และนักลงทุนต่างประเทศ อาจยังเกิดขึ้นได้ ทำให้เราคาดการณ์ว่าดัชนีฯ จะยังคงแกว่งตัวแบบ sideway อยู่ต่อไป