ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 เม.ย.67 ปิดที่ 1,375.69 จุด ลดลง 3.77 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 41,806.63 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,590.15 ล้านบาท
หุ้นไทยแกว่งผันผวนก่อนปิดลบ แม้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดันราคาปรับขึ้น จากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลังความขัดแย้งในตะวันออกกลางตึงเครียดและขยายตัว ขณะที่กลุ่ม PETRO ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง และมีแรงซื้อกลับในกลุ่มค้าปลีกแต่แรงขายหุ้นแบงก์กดตลาดปรับตัวลง
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 157.50 บาท บวก 2.50 บาท, CPALL ปิด 55 บาท บวก 1 บาท, KTB ปิด 16.40 บาท ลบ 0.20 บาท, SCB ปิด 112.50 บาท ลบ 1.50 บาท, ADVANC ปิด 204 บาท บวก 1 บาท
บล.เอเซียพลัส ออกบทวิจัย ทำการค้นหากลุ่มหุ้นไทยที่ LAGGARD กว่าปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่เข้ามาหนุน โดยคาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาหนุนเพิ่มเติมในช่วงนี้ดังนี้ หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อนค่า ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.64 บาท/เหรียญอ่อนค่ามาแล้ว +6.8%YTD และอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่หุ้นส่งออกยัง LAGGARD อยู่มาก คือ KCE -27%YTD, HANA -25%YTD, CPF -7.6%YTD, TU -2%YTD, CENTEL -0.6%YTD
กลุ่มหุ้นอิงเศรษฐกิจจีน ซึ่งปีนี้ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงพลิกกลับมาเป็นบวก แต่หุ้นไทยอิงเศรษฐกิจจีน ยัง LAGGARD อยู่มาก คือ SCGP –17%YTD, SCC –15.4%, IVL –8.3%, CENTEL –0.6%YTD
กลุ่มหุ้นอิงราคาน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ที่ 85 เหรียญ/ บาร์เรล ขึ้นมาแล้ว 15%YTD และยังทำจุดสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่หุ้นไทยอิงราคาน้ำมันยัง LAGGARD คือ PTT -4.9%YTD, IRPC -4.5%YTD, PTTEP +3.7%YTD, BCP +3.4%YTD, SPRC +7.3%YTD, TOP +9.8%YTD
ฝ่ายวิจัยฯคาดว่า หุ้น 3 กลุ่มดังกล่าว น่าสะสม และน่าจะ มีเม็ดเงินเข้ามาหนุนเพิ่มเติม ให้ฟื้นกลับมา OUTPERFORM
ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ได้!!
อินเด็กซ์ 51
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่