หุ้นน่าซื้อเดือน พ.ย.!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 พ.ย.66 ปิดที่ 1,403.99 จุด เพิ่มขึ้น 24.03 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 44,380.64 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,207.42 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 33.50 บาท บวก 0.50 บาท, DELTA ปิด 84.25 บาท บวก 3.75 บาท, PTTEP ปิด 161.50 บาท ลบ 1.50 บาท, ADVANC ปิด 215 บาท บวก 3 บาท, KBANK ปิด 132.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวจากปัจจัยภายนอกที่สหรัฐฯเปิดขายพันธบัตร รัฐบาลสหรัฐฯ 1.12 แสนล้านเหรียญ (ต่ำกว่าตลาดคาด 1.14 แสนล้านเหรียญ) และเฟดยังคงดอกเบี้ยที่ 5.5% (คงรอบที่ 2) บวกกับข้อมูลจาก FED WATCH TOOL ที่คาดว่าเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อในเดือน ธ.ค. ลดลงเหลือไม่ถึง 20% หนุนให้ BOND YILED 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงแรงถึง -21 BPS. มาอยู่ที่ 4.71% หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นแรงยังคงแนะนำหุ้น TOP PICK คือ TISCO, BH และ WHA

ขณะที่ บล.ทิสโก้ มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้เป็นแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ต่อไปจนถึงสิ้นปี เนื่องจากขาดปัจจัยขับเคลื่อนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยในประเทศที่กดดันหุ้นไทย คือ กรอบเวลาการจัดทำงบประมาณปี 67 ที่อาจล่าช้าถึง 6 เดือน คาดส่งผลกระทบเศรษฐกิจ 0.2-0.8% ต่อไตรมาส หลักๆมาจากการใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลง โดยเฉพาะการใช้จ่ายด้านลงทุน ขณะที่โครงการการแจกเงินดิจิทัลส่อแววล่าช้า ไม่ทันแจก 1 ก.พ.67 มองในแง่ดีคือช่วยลดภาระเงินงบประมาณ แต่อีกมุมผลกระทบเชิงบวกต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้าจะน้อยไปจากเดิม ฉะนั้นโอกาสที่เศรษฐกิจปี67จะเติบโตทะลุ 4% ก็เป็นไปได้น้อย

ส่วนปัจจัยภายนอก คือ 10Y US Bond Yield ที่ขึ้น 6 เดือนติดต่อกัน แตะสูงสุดที่ 5% แม้ล่าสุดจะส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ยังทรงตัวระดับสูงสุดรอบ 16 ปี และสงครามอิสราเอลส่อแววยืดเยื้อ เป็นปัจจัยถ่วงตลาดการเงินและการลงทุนต่อ

หุ้นแนะนำเดือน พ.ย.66 เลือกหุ้นที่คาดงบไตรมาสนี้จะเติบโตและมีปัจจัยบวกเฉพาะ เช่น หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัว AOT, BDMS หุ้นที่มีเงินปันผลจ่ายสูง DMT, MAJOR, MC, TASCO และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงหนักคาดหวังรีบาวด์จากจุดต่ำ CPAXT!!

อินเด็กซ์ 51

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่