สถานการณ์หุ้นไอพีโอที่ไม่ปกติ ทำให้หลายบริษัทเลือกที่จะเลื่อนแผนการเข้าระดมทุนออกไป โดย นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยกับ #ThairathMoney ว่า แนวโน้มการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยอมรับว่ามีหลายบริษัทเลื่อนแผนการระดมทุนออกไป โดยเกิดจากปัจจัยความไม่ปกติในตลาดหุ้นที่เข้ามากระทบโดยตรง
"ในช่วงที่เหลือในปีนี้มีจำนวนที่จะเข้าตลาดหุ้นมีไม่มาก ซึ่งเรามอนิเตอร์กับบริษัท และเช็กความพร้อมเข้าเทรดตลอดเวลา และเราได้รับรายงานว่าบางรายขอเลื่อนแผนไอพีโอออกไปก่อน"
ทั้งนี้เหตุผลที่สำคัญทำให้หลายบริษัทเลือกเลื่อนแผนออกไป มาจากสภาวะตลาดที่ไม่ปกติ จากปัจจัยความผันผวนที่เกิดขึ้นกับโลกเข้ามากระทบจำนวนมาก ทั้งภาวะดอกเบี้ยสูง เงินเฟ้อ ตามด้วยสงครามความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้สภาวะของโลกไม่ได้อยู่ในอารมณ์การลงทุน เป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้
ในตลาดภาวะหุ้นที่เป็นขาลง หรือ แบร์มาร์เก็ต นักลงทุนพิจารณาลงทุนในหุ้นไอพีโอมากขึ้น ทั้งในเรื่องของปัจจัยความถูก-แพงของหุ้น ความสมเหตุสมผลของราคา และเรื่องศักยภาพในอดีตสะท้อนจนถึงอนาคตของบริษัท จะไม่เหมือนช่วงตลาดหุ้นขาขึ้น
IPO ใหญ่ไม่เข้าเทรด
อย่างไรก็ตามในปลายปีนี้เราไม่เห็นหุ้นใหญ่ที่ต้องอาศัยแรงซื้อของนักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งสัญญาณนี้เห็นได้ตั้งแต่ช่วงกลางปี มีหุ้นใหญ่เลื่อนเข้าตลาดไประดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามสำหรับเกณฑ์กำหนดให้บริษัทที่จะต้องเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะต้องส่งงบการเงินฉบับสมบูรณ์ 3 ปีย้อนหลัง ที่จะเริ่มใช้ในปลายปีนี้ จะถูกเลื่อนออกไปนั้น ส่วนตัวมองว่าเกณฑ์นี้ไม่น่าจะถูกขยับออกไป โดยเกณฑ์ดังกล่าวจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้บังคับใช้
โดยเกณฑ์ดังกล่าวให้เวลาเตรียมตัวมา 5 ปี และเริ่มบังคับใช้ตอนปี 2567 มองว่าไม่น่าเลื่อนกำหนดใช้ และสภาพตลาดแบบนี้ที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่องข้อมูล และการเปิดเผยเรื่องต่างๆ ยิ่งมีความจำเป็น
ส่วนความเคลื่อนไหวการเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งแรกของ บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL และบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL ในวันนี้ พบว่ามีแรงเทขายอย่างในช่วงก่อนเปิดการซื้อขายเข้ามาอย่างหนาแน่น
ส่งผลให้หุ้น SCL เปิดการซื้อขายที่ 1.60 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากราคาจองซื้อที่ 1.54 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.90% ส่วนหุ้น ETL เปิดการซื้อขายที่ 1.35 บาท ลดลง 19.64% จากราคาไอพีโอ 1.68 บาท.