บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY เปิดเผยว่า รายได้จากการขายและบริการ งวด 6 เดือนแรกปี 2566 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 45.5 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มข้ึนจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตราที่เพิ่มข้ึนร้อยละ 4
ขณะที่รายได้อื่นของกลุ่มบริษัทส่วนใหญ่ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียม ซึ่งเรียกเก็บจากการชำระเงินของลูกค้าสุทธิ ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และผลตอบแทนจากเงินลงทุนในสินทรัพย์สภาพคล่องรายได้ค่าเช่าและรายได้ค่าที่ปรึกษาระบบ ERP เป็นต้น โดยรายได้อื่นของกลุ่มบริษัทมีจำนวน 2.51 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6 ของรายได้รวมของงวดเดียวกัน ซึ่งเพิ่มข้ึนจากรายได้อื่นในงวด 6 เดือนแรกปี 2565 ที่จำนวน 0.94 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มข้ึนเท่ากับร้อยละ 60
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ สำหรับงวด 6 เดือนแรก ปี 2566 เท่ากับจำนวน 24.68 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 จำนวน 32.25 ล้านบาท มีสาเหตุหลักเนื่องจากกลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนทางบัญชีจากลงทุนในหุ้นกู้ STARK ประกอบกับมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มข้ึน จากช่วงแรกของการพัฒนาและนำออกสู่ตลาดของ Alisa Generative AI ส่งผลให้กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทลดลง
โดยค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายของกลุ่มบริษัท สำหรับงวด 6 เดือนแรก ปี 2566 มีจำนวน 14.85 ล้านบาท เมื่อพิจารณาสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายต่อรายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ร้อยละ 31 ปรับตัวเพิ่มข้ึนจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าจำนวน 12.10 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายสินค้า ค่าโฆษณา และการทำการตลาด โฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่ Alisa Generative AI ซึ่งเป็นการค่าใช้จ่ายที่ใช้งบประมาณสูงในระยะแรก และจะค่อยๆ ลดน้อยลง
ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารของกลุ่มบริษัท สำหรับงวด 6 เดือนแรก ปี 2566 มีจำนวน 31.90 ล้านบาท ซึ่งปรับตัว เพิ่มข้ึนจำนวน 18.90 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มข้ึนที่ร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรก ปี 2565 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก การรับรู้ผลขาดทุนทางบัญชีของหุ้นกู้ Stark ที่กลุ่มบริษัทได้ลงทุนไว้จำนวน 16 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มบริษัทมีกระแสเงินสดคงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก จึงดำเนินการบริหารสินทรัพย์โดยหมุนเวียนเงินสดไปลงทุนกับ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนและหุ้นกู้ ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่า ดอกเบี้ยเงินฝากปกติและในช่วงเวลาดังกล่าวกลุ่มบริษัทมีการบริหารการลงทุนในหลายสินทรัพย์ด้วยกัน
ซึ่งหุ้นกู้ Stark เป็นตัวเลือกหนึ่งในการจัดการบริหารสินทรัพย์ ในช่วงเวลาดังกล่าว และในขณะที่ทำการลงทุนหุ้นกู้ Stark จัดเป็นสินทรัพย์ที่มีผลการประเมิน Company Rating อยู่ที่ BBB+ ซึ่งเป็น Investment Grade และประกอบกับคำแนะนำการลงทุน จากที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ดูแลด้านการลงทุนบริหารสินทรัพย์ให้กับกลุ่มบริษัท กลุ่มบริษัทจึงตัดสินใจลงทุนในหุ้นดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับหุ้นกู้ Stark ข้ึน กลุ่มบริษัทได้ดำเนินการทยอยขายหุ้นกู้ตัวอื่นๆ ออก ตามมติของกลุ่มบริษัท เนื่องจากเจตนาหลักของกลุ่มบริษัทในการลงทุนในกองทุนและหุ้นกู้ ที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ได้ต้องการผลกำไรจากการลงทุนส่วนน้ีเป็นหลัก แต่เป็นการบริหารจัดการสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากปกติ และกลุ่มบริษัทยังคงนโยบายการลงทุนกับการประกอบธุรกิจหลักของบริษัทเป็นนโยบายหลัก
และนอกจากน้ี มีการเพิ่มข้ึนของค่าใช้จ่าย เช่น ค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทย่อย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน และค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนจากจำนวนลิขสิทธิ์ ที่กลุ่มบริษัทถือครองมากข้ึน
ติดตามข่าวสาร รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตลาดหุ้ น หุ้น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ราคาหุ้น บทวิเคราะห์หุ้น เจาะลึกหุ้นรายเด่นรายตัว ข่าวหุ้นล่าสุด อัปเดตโอกาสในตลาดหุ้นทั่วโลก ได้ที่นี่
ข่าวหุ้น หุ้น การลงทุนหุ้น ได้ที่ : https://www.thairath.co.th/money/investment/stocks