ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 31 ก.ค.66 ปิดที่ 1,556.06 จุด บวก 12.79 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 56,268.58 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 51.61 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 126 บาท บวก 1 บาท, DELTA ปิด 113 บาท บวก 3.50 บาท, ADVANC ปิด 226 บาท บวก 2 บาท, EA ปิด 62.00 บาท บวก 2.25 บาท, KCE ปิด 43.25 บาท บวก 3.50 บาท
บล.เอเซียพลัส ประเมินทิศทางตลาดหุ้นว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาช่วงวันหยุดบ้านเรา เป็นไปในโทนบวก ทำให้ความกังวลเรื่อง Recession ลดลง ในอีกทางพบว่าสัญญาณดอกเบี้ย ขาขึ้นน่าจะใกล้จบลง ทั้งในส่วน ของ Fed และ ECB ภายใต้สถานการณ์แวดล้อม ทำให้ทิศทางของ Fund Flow น่าจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสัญญาณบวก
สำหรับปัจจัยในประเทศ ประเด็นหลักสัปดาห์นี้น่าจะเป็นพัฒนาการของข่าวการเมือง ประเมินว่า SET Index น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,530—1,550 จุด ทั้งนี้ ปกติก่อนหยุดยาว มูลค่าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะเบาบาง แต่ปลายสัปดาห์ก่อนหุ้นไทยกลับคึกคัก แรงหนุนส่วนหนึ่งเกิดจากใกล้เข้าสู่การเลือกนายกฯ ครั้งที่ 3 ในวันที่ 4 ส.ค.66 หากศาล รธน. พิจารณาไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน อีกทั้งยังเห็นแนวโน้มที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมากขึ้น!!
ขณะที่ บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ระบุนโยบายการเงินยังหนุนหุ้นกลุ่มแบงก์ด้วยมุมมองของ กนง. ที่ให้น้ำหนักถึงความเสี่ยงด้านสูง (Upside Risk) ทั้งในส่วนของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบการเงินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงต่ำเกินไปทำให้มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก +25 bps สู่ระดับ 2.25% ในการประชุมวันที่ 2 ส.ค. มีความเป็นไปได้
จึงยังแนะนำ “Overweight” หุ้นกลุ่มธนาคารจากผลประกอบการ Q2 ดีกว่าเราและตลาดคาด 7% และ 5% ตามลำดับและแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังยังได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากการปรับตัวขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. และ Bond Yields ขณะที่คาดหวังการเมืองใกล้จบในเดือน ส.ค.นี้ น่าจะหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นเป้าซื้อคืนของต่างชาติ
แนะกลยุทธ์หุ้นเด่นระยะสั้น แนะนำ SCB (เป้าพื้นฐาน 130 บาท) และ KBANK (เป้าพื้นฐาน 160 บาท)!!
อินเด็กซ์ 51