เสี่ยงมากขึ้น!!

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เสี่ยงมากขึ้น!!

Date Time: 4 เม.ย. 2566 05:03 น.

Summary

  • ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 เม.ย.66 ปิดที่ 1,600.37 จุด ลดลง 8.80 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 46,785.79 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,317.40 ล้านบาท

Latest

8 หุ้นกู้  3 บริษัทดังในตลาดหุ้น เตรียมขายเดือน ก.พ.นี้ ดอกเบี้ยสูงสุดเกิน 5% เช็กได้ที่นี่

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 เม.ย.66 ปิดที่ 1,600.37 จุด ลดลง 8.80 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 46,785.79 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,317.40 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้ มองหุ้นไทยเดือน เม.ย.66 มีความเสี่ยงมากขึ้น จากที่ เคยมองไว้ว่าหนทางค่อนข้างสะดวก เพราะมีปัจจัยผลักดันเม็ดเงิน Fund flow และปัจจัยดึงดูดธีมการเลือกตั้ง แต่การประกาศลดกำลังผลิตน้ำมันขนานใหญ่ของกลุ่ม OPEC+ อาจเป็นจุดพลิกเกมที่สำคัญของการลงทุนทั่วโลก ทำให้สมมติฐานการลงทุนเดิมต้องปรับเปลี่ยน

ให้แนวต้านแรกดัชนีเดือนนี้ที่ 1,640 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญที่ไม่น่าทะลุได้คือระดับสูงสุดเดิมของปีที่ 1,690 จุด เพราะเป็นระดับที่ตึงตัวในแง่ Valuation ขณะที่ให้แนวรับแรกที่ 1,580-1,600 จุด แต่อาจต้องแบ่งไม้เข้าซื้อ เผื่อดัชนี Price in ปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่เกิดขึ้น ส่วนแนวรับสำคัญเดือนนี้ที่ 1,550-1,560 จุด

กลยุทธ์แนะขึ้นขาย–ลงซื้อตามกรอบ จากความเสี่ยงต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น จะส่งผลต่อความเสี่ยงเงินเฟ้อ และการเข้มงวดนโยบาย การเงินช่วงถัดไป แต่ระยะสั้นอาจมีธีมเลือกตั้งช่วยหนุนภาคการบริโภคภายใน คือหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โรงแรม ร้านอาหาร ค้าปลีก สื่อฯ หุ้นรายตัวแนะนำ BDMS, BH, CENTEL, ERW, AU, ZEN, CRC, DOHOME และ PLANB

มีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือการตอบรับเชิงบวกระยะสั้นของราคาน้ำมันดิบ หลังซาอุฯและสมาชิกกลุ่ม OPEC+ ประกาศหั่นกำลังผลิตน้ำมันรวมกันราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเริ่ม พ.ค.นี้ถึงสิ้นปี เมื่อรวมกับการลดกำลังผลิตเดิมของรัสเซียที่ 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้กำลังผลิตหายไปรวมเป็น 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นระดับที่มีนัยสำคัญมากต่อสมดุล Demand-Supply ในตลาดพลังงานโลกได้

โดย 11 ผลกระทบสำคัญ มีดังนี้ 1.เป็น Sentiment เชิงบวกระยะสั้นต่อกลุ่ม Commodity 2.กลุ่ม Anti-commodity กลับมามีความเสี่ยงขึ้นทันที แนะเลี่ยงลงทุน เช่น กลุ่ม Utilities 3.เพิ่มความเสี่ยงแรงกดดัน เงินเฟ้อทั่วโลกและเศรษฐกิจถดถอย นำมาสู่ความเสี่ยง Stagflation ที่มากขึ้น 4.เพิ่มความเสี่ยงดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในโหมด Higher for Longer 5.เพิ่มความเสี่ยงต่อปรากฏการณ์ PE contraction 6.เพิ่มความเสี่ยงต่อการลงทุนในพันธบัตร Yield มีโอกาสสูงขึ้นอีกครั้ง 7.ลดความน่าสนใจของตลาดหุ้นลง ผ่านมาตรวัด Earning yield gap ที่ลดลง

8.เพิ่มความเสี่ยงต่อหุ้นกลุ่ม Growth และ Technology 9.เพิ่ม ความเสี่ยงต่อต้นทุนนำเข้าน้ำมันดิบของไทย 10.เพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้น 11.เพิ่มความเสี่ยงเงินบาทอ่อนค่า!!

อินเด็กซ์ 51


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ