ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 ก.พ.66 ปิดที่ 1,622.35 จุด ลดลง 5.00 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 80,307.99 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,396.52 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BANPU ปิด 10.90 บาท ลบ 0.30 บาท, PTTEP ปิด 150 บาท ลบ 2 บาท, PTT ปิด 31.75 บาท ลบ 0.25 บาท, KBANK ปิด 137 บาท บวก 1 บาท, BDMS ปิด 28 บาท ลบ 0.50 บาท
บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,600-1,660 จุด โดยมีแรงกดดันจากตัวเลข PCE สหรัฐฯออกมาสูงกว่าตลาดคาด โดยดีดตัวขึ้น 5.4% YoY ในเดือน ม.ค. และสูงกว่าระดับ 5.3% เดือน ธ.ค. และเพิ่มขึ้น 0.6% MoM ในเดือน ม.ค. ส่งผลให้กังวลว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกมากขึ้น
ขณะที่ IMF เตือนว่าธนาคารกลางยังคงต้องเฝ้าระวังจนกว่าจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้อย่างมีเสถียรภาพ เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนและผู้บริโภคในการใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ปัจจัยต่างประเทศยังมีประเด็นที่น่าสนใจ จากการที่ รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐฯกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัสเซียที่เข้าร่วมการประชุม G20 ว่า “มีส่วนรู้เห็น” ในความโหดร้ายของรัสเซียในการรุกรานยูเครนและความเสียหายของสงครามที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และการเกิดภาวะ Inverted Yield Curve อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.826% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ระดับ 3.95%
ขณะที่สถานการณ์ของกัมพูชา ยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนกเป็นรายแรกในรอบ 9 ปี ขณะที่ WHO กำลังทบทวนการประเมินความเสี่ยงทั่วโลก โดยพิจารณาจากสถานการณ์ล่าสุดว่า “น่ากังวล” เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อที่เป็นนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพิ่มขึ้น ส่วนไทยปัจจุบันยังไม่พบรายงานผู้ป่วยจากระบบการเฝ้าระวัง
แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นที่มีการปรับน้ำหนักคำนวณ MSCI ที่จะมีผล 28 ก.พ.นี้ ของดัชนี MSCI Global Standard หุ้นเข้า : BANPU ส่วนดัชนี MSCI Global Small Cap : หุ้นเข้า AURA–BTG–ONEE–SNNP และ THCOM ขณะที่ให้ระวังหุ้นออก ได้แก่ BANPU–COM7–TIDLOR และ TISCO.
อินเด็กซ์ 51