DELTA เจองแรงขายร่วงกว่า 10% หลังนักวิเคราะห์ประสานเสียง ราคาหุ้นแพงกว่าบริษัทแม่ และเริ่มไม่มีเหตุผล มองราคาเหมาะสม 610-660 บาท มองเป็นการลงทุนที่ไม่ยั่งยืน
ความเคลื่อนไหวการซื้อขายหุ้นของ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ราคาปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยในครึ่งวันเช้าของวันที่ 5 ม.ค. ราคาหุ้นอยู่ที่ 820.00 บาท ลดลง 92.00 บาท หรือ ลดลง 10.09% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 4.8 พันล้านบาท
บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า การขยับขึ้นมาร้อนแรงจน DELTA เป็นหุ้นที่ใหญที่สุดในเมืองไทย ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Cap สูงถึง 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งมีหลายๆ มุมที่แสดงให้เห็นว่าหุ้นอาจจะขึ้นเร็วและร้อนแรงเกินไปและไม่สอดคล้องกับหุ้นแม่ ทำให้นักลงทุนอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น
1. ปัจจุบันราคาหุ้น DELTA สูงกว่าหุ้นแม่มากเกินไป ซึ่งแต่ก่อนราคาหุ้น DELTA จะสูงกว่าหุ้นแม่ราว 1 – 1.5 เท่า และการเคลื่อนไหวมักจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน (มีค่า Correlation สูงถึง 0.79%) ส่วนหนึ่งเกิดจาก Delta Electronics (ไต้หวัน) ถือหุ้น DELTA ถึง 64% ของทุนชำระแล้ว แต่ปัจจุบันราคาหุ้น DELTA สูงกว่าหุ้นแม่เกือบ 3 เท่าไปแล้ว และราคาเริ่มไม่สอดคล้องกันและทิ้งห่างมาในช่วงสั้นๆ ดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
2. ในมุมมูลค่าพื้นฐาน หุ้น DELTA แพงกว่าหุ้นแม่มาก ทั้งระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น หรือ P/E ที่สูงถึง 85.9 เท่า (หุ้นแม่ 23.8 เท่า), มูลค่าหุ้นทางบัญชี หรือ P/BV 22.1 เท่า ในขณะที่ หุ้นแม่ 4.1 เท่า แม้ Delta Electronics ในไต้หวัน และ DELTA จะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอยู่บ้าง โดย DELTA จะเน้นผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท High end เป็นหลัก ส่วน Delta Electronics ไต้หวัน จะเน้นผลิตสินค้าทั่วไป เป็นหลัก แต่ในมุมปัจจัยพื้นฐานก็ยังถือว่าแพงในเชิงเปรียบเทียบกับหุ้นแม่
3. การปรับขึ้นของราคาหุ้น DELTA ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเร่งทำธุรกรรมผ่าน Single Stock Futures สะท้อนได้จากสถานะคงค้างที่เพิ่มขึ้น 126% จาก 488 สัญญามาที่ 1,355 สัญญา ในช่วง 29 ธ.ค. ปี 65 – 3 ม.ค.66) ทั้งนี้ หากประเมินต้นทุนเฉลี่ยของการเปิดสถานะครั้งนี้อยู่ที่ 830 บาทเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 912 บาท บน Leverage ของ DELTA ที่ 8.85 เท่า จะได้ผลตอบแทนมากถึง 87% ดังนั้นต้องระวังแรงขายทำกำไรที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะในจุดที่ระดับสถานะคงค้างของ DELTA ใกล้จุดสูงเดิมในปี 2021 ที่ 1292 สัญญา หลังจากนั้นก็เกิดสัญญาณ Take Profit ทำให้ราคาหุ้นปรับลง 22% ในระยะเวลา 2 สัปดาห์
ทั้งหมดที่กล่าวมา แม้ DELTA จะมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แรงเสริมจากการเปิดสถานะฟิวเจอร์ส แต่ราคาหุ้นที่ขยับขึ้นมาเร็วและแรงเกินไปเมื่อเทียบกับหุ้นแม่ในหลายๆ มุมทำให้นักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในช่วงต่อจากนี้ อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงต้องระวังแรงกดดันที่ส่งผ่านมายังตลาด โดยทุกๆ 1% ของ DELTA ที่ปรับลงจะกดดัน SET และ SET50 ราว 0.85 จุด
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำขาย หุ้นของ DELTA ราคาเหมาะสม 610.00 บาท ทั้งนี้ บล.คาดกำไรปกติ ในไตรมาสที่ 4 ของ 65 ที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 89% กำไรปกติเติบโตเด่น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดของ DELTA Thailand สูงกว่า DELTA Taiwan ทั้งๆ ที่ DELTA Thailand เป็นสัดส่วนกำไรราว 25% ของ DELTA Taiwan ทั้งกลุ่ม สะท้อนความไม่สมเหตุสมผลของมูลค่าเชิงเปรียบเทียบ
ทั้งนี้คงประมาณการและคงคำแนะนำ “ขาย” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 610.00 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในโซนที่แพงมากแล้ว ประกอบกับความเสี่ยง Global Recession ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้หุ้น DELTA มีโอกาสเจอแรงขายทำกำไรได้สูง เราไม่แนะนำเข้าลงทุนและนักลงทุนควรระมัดระวังในการเก็งกำไรระยะสั้น
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี : DELTA แนะนำ ขาย ด้วยราคา 660.00 บาท ราคาของ Delta ปรับตัวขึ้น 50% ช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่ Delta เข้า SET50 แม้เรามองว่าปัจจัยพื้นฐานของ Delta ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง แต่การประเมินมูลค่าในปัจจุบันน่าจะไม่ยั่งยืน