หุ้น MAKRO–STEC–KCE!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ก.พ.65 ปิดที่ 1,667.75 จุด เพิ่มขึ้น 6.00 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 61,327.24 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด DELTA ปิด 390 บาท บวก 22 บาท, KBANK ปิด 150.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, KTC ปิด 63.50 บาท บวก 2.75 บาท, TIPH ปิด 71.50 บาท บวก 0.50 บาท, CPALL ปิด 62.75 บาท บวก 0.25 บาท

หุ้นไทยฟื้นตัวตามตลาดหุ้นโลก หลังปัจจัยกดดันต่างๆสะท้อนผ่านราคาหุ้นไปมากแล้ว โดยตลาดหุ้นโลกปรับฐานลงมากในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

บล.เอเซียพลัสชี้ว่า หากในระยะข้างหน้าไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนเพิ่มเติมหุ้นโลกอาจมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นได้ ขณะที่ค่าเงิน Dollar Index อ่อนค่าต่อเนื่อง โดยอ่อนค่าอีก 0.3% สอดคล้องกับตลาดหุ้นที่ปรับขึ้น เนื่องจาก Fund Flow มีแนวโน้มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยไปยังสินทรัพย์เสี่ยง และ Dollar Index ที่อ่อนค่า ช่วยให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า ซึ่งเอื้อให้ Fund Flow ไหลเข้ามาไทยสะดวกขึ้น

ค่าเงิน Dollar Index ที่อ่อนค่ายังมีส่วนช่วยให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆทรงตัวสูงต่อได้ เช่น กากถั่วเหลือง-ถั่วเหลือง, ค่าระวางเรือ, น้ำตาล, น้ำมันดิบ ช่วยรักษาการเก็งกำไร หรือ Trading ในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น TVO, TTA, PSL, RCL, KSL, PTTEP, PTT, TOP เป็นต้น

ขณะที่สัปดาห์นี้ ต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และอังกฤษ (BOE) วันที่ 3 ก.พ.65 โดยตลาดคาด ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อ แต่ BOE อาจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจาก 0.25% เป็น 0.5% หลังอังกฤษเผชิญอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี และวันที่ 4 ก.พ.ยังต้องติดตามภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าจะมีน้ำหนักต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ต่อไป

ทั้งนี้ เงินบาทที่แข็งค่าทำให้ Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากสุดในภูมิภาคในเดือน ม.ค.กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท สรุปด้วยปัจจัยภายนอกที่คลี่คลาย บวกกับตลาดหุ้นไทยมีแรงหนุนจากค่าเงินบาท

ที่แข็งค่าแนะกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี และแนวโน้มกำไรต่อหุ้นเติบโตเกิน 30% YoY ในปีนี้ อย่าง MAKRO-STEC-KCE เป็น Top pick!!

อินเด็กซ์ 51