ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 30 พ.ย.64 ปิดที่ 1,568.69จุด ลดลง 21.00 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 159,490.87 ล้านบาท หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 132 บาท ลบ 4.50 บาท, AOT ปิด 59.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, EA ปิด 82 บาท บวก 3 บาท, SCC ปิด 372 บาท ลบ 9 บาท, BBL ปิด 113.00 บาท ลบ 4 บาท
พอร์ตโบรกเกอร์เทขายสุทธินำนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยขายสุทธิ 7,201.66 ล้านบาทตามด้วย ต่างชาติขายสุทธิ 3,535.33 ล้านบาท สถาบันหรือกองทุนในประเทศขายสุทธิ 2,453.34 ล้านบาทส่วนนักลงทุนรายย่อยไทยหน่วยกล้าตาย เป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิสวนทางมากถึง 13,189.82 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส แนะนำหุ้นต้านโควิดได้ดี และ มี Valuation ที่น่าสนใจ เพราะราคาปรับตัวลงจากจุดสูงสุดของปีมากมาขณะที่พื้นฐานธุรกิจได้ประโยชน์หรือไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดมากนัก ซึ่งจะเป็นกลุ่มหุ้นที่จะช่วยสร้างสมดุลให้พอร์ตการลงทุนในช่วงที่ไวรัสกลายพันธุ์เป็นโควิดสายพันธุ์โอไมครอน กำลังมาสร้างความปั่นป่วนผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยอีกครั้งได้
เอเซียพลัส คัดตัวเด่นๆมาให้พิจารณา ดังนี้ STA-STGT-TMT-INSET-DOHOME-BCH-SCC-DCC-INTUCH-TU-SMT-AH-NER-VNG-SPVI-SCGP-MCS
ด้าน บล.ทิสโก้ แนะกลยุทธ์ลงทุน ให้ถือเงินสดให้มากขึ้น เพราะตลาดหุ้นยังมีความไม่แน่นอนสูง สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว อาจทยอยซื้อหุ้นที่น่าจะได้รับผลกระทบจำกัด เช่น กลุ่มสื่อสาร, โลจิสติกส์, อาหาร และกลุ่มหุ้นปันผลดี เบื้องต้นคาดดัชนีคงไม่หลุดต่ำกว่า 1,500 จุด หากลงมาที่ระดับ 1,500 ถือเป็นจุดที่น่าเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก
แต่หากมีการประเมินว่าจะมีการแพร่ระบาดรุนแรงจนอาจทำให้เกิดการล็อกดาวน์อีกครั้ง ดัชนีอาจมีโอกาสหลุดระดับ 1,500 จุดได้ ซึ่งเป็นระดับที่เคยลงมาแล้วในช่วงที่ไทยมีผู้ติดเชื้อแตะระดับ 20,000 ราย
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ชี้ว่าอาจกระทบกับหุ้นเปิดเมือง เปิดประเทศ แต่หุ้นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวการบริโภคในประเทศยังไปต่อได้ แต่ยังต้องติดตามใกล้ชิดจนกว่าจะมีความชัดเจนของข้อมูลด้านเทคนิคระยะสั้นให้แนวรับรอบนี้ 1,570 จุด และ 1,550 จุด!!
อินเด็กซ์ 51