ก.ล.ต.ยุคใหม่ทันสมัยรับ New Normal ปรับเกณฑ์รับคำสั่งซื้อขายหุ้นที่บ้านได้!

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจรับคำสั่งซื้อขายผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนนอกสถานที่ทำการ ให้รวมถึงการปฏิบัติงานจากที่บ้านได้ (Work from Home) สำหรับผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อลดภาระอำนวยความสะดวก เพิ่มความยืดหยุ่นในการประกอบธุรกิจ และรองรับความปกติใหม่ (New Normal) จากการแพร่ ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.64 เป็นต้นไป “การปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการรับคำสั่งซื้อขายผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนนอกสถานที่ทำการครั้งนี้ มุ่งช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการให้บริการแก่ผู้ลงทุน ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.ยังคงให้ความสำคัญและกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจ ต้องมีมาตรการดูแลประโยชน์และข้อมูลของลูกค้าอย่างเพียงพอ โดยต้องจัดให้มีระบบงานและการควบคุมความเสี่ยงที่เพียงพอและเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรักษาความลับเกี่ยวกับข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าการให้บริการในที่ทำการด้วย”

นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังปรับปรุงหลักเกณฑ์การเสนอขายหุ้นที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศ (foreign listing) เพื่อลดระยะเวลาการให้คำแนะนำของที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) จาก 3 ปี เหลือ 1 ปี เทียบเท่ากับหลักเกณฑ์สำหรับบริษัทไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้ตลาดทุนไทย ซึ่งการปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยลดภาระต่อการระดมทุนของบริษัทต่างประเทศที่ต้องการมาระดมทุนในประเทศไทย โดยที่ยังมีกลไกคุ้มครองสิทธิผู้ลงทุน ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้นับแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป “ก.ล.ต.พร้อมสนับสนุนการใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุน โดยลดภาระและอุปสรรคจากกฎเกณฑ์ที่ไม่จำเป็น ตามมติคณะกรรมการกำกับตลาดทุน เมื่อวันที่ 16 มี.ค.64 ที่ให้ปรับปรุงเกณฑ์ที่กำหนดให้ FA ที่ร่วมยื่นคำขออนุญาตต้องร่วมติดตามดูแลและให้คำแนะนำผู้ขออนุญาตออกและเสนอขายหุ้นต่อไปอีก เป็นเวลา 3 ปี สำหรับการออกและเสนอขาย ที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศ ลดเหลือ 1 ปี”

ทั้งนี้ บริษัทต่างประเทศยังต้องจัดทำและนำส่งข้อมูลหรือรายงานตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกับบริษัทไทย และต้องจัดทำ Regulatory Mapping เพื่อเปรียบเทียบข้อกฎหมายของประเทศ ที่บริษัทนั้นตั้งอยู่กับกฎหมายไทย โดยต้องจัดให้มีมาตรการทดแทน หากข้อกฎหมายในต่างประเทศมีความแตกต่างกับกฎหมายไทยในประเด็นที่กระทบกับสิทธิของผู้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญด้วย.