มุมมองเอเซียพลัส

บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส แนะกลยุทธ์การลงทุนเดือน พ.ค. ว่า มาตรการภาครัฐที่ออกมาป้องกันการแพร่ระบาดบวกกับเยียวยาผลกระทบหนุนสถานการณ์ระบาด Covid-19 คลายตัวลง และน่าจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น หลังมีการกระจายตัวของ Vaccine ในวงกว้าง ตามการร่วมมือของภาครัฐและเอกชน ช่วง 2H64

ขณะที่ประเทศหัวเรือหลัก เศรษฐกิจโลก สหรัฐฯ จีน ยุโรป สามารถรับมือ COVID-19 รอบนี้ได้ดี ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมี Downsideจำกัด ขณะที่สภาพคล่องในระบบการเงินที่มีอยู่จำนวนมาก ยังมีปัจจัยสนับสนุนให้เงินไหลเข้าหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในตลาดหุ้นไทย

โดย 1.เห็น Momentum ของการ Search For Yieldจากมูลค่าซื้อขายหุ้นต่อวันที่อยู่ในระดับสูงราว 1 แสนล้านบาท พร้อมกับการเร่งตัวของการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่มากกว่า 2 แสนบัญชีต่อเดือน

2.ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง ดีต่อราคาและหุ้น Community ที่เป็นสัดส่วนกำไรหลักในหุ้นไทยถึง 1 ใน 3 รวมทั้งนักลงทุนยังมีโอกาสได้ FxGain จากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่ม 3.กระแสการขึ้นภาษีนิติบุคคลฝั่งสหรัฐฯ น่าจะหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทยมากขึ้น

ขณะที่มุมมองกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 1 ปี 64 สดใส และไม่น่าผิดหวังเหมือนในอดีต หนุนให้เกิดการลงทุนเพิ่มมากกว่าขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากฐานกำไรไตรมาสแรกของปีที่แล้วต่ำสุดในรอบ 12 ปี บวกกับเบื้องต้นนักวิเคราะห์พื้นฐานได้ทำ EarningPreview ไตรมาส 1 ปี 64 รวมถึงหุ้นกลุ่ม Real Sector ทยอยประกาศออกมาดีกว่าคาด น่าจะหนุนให้กำไรงวด 1Q64 ยืนระดับ 2 แสนล้านบาทได้

จนทำให้นักวิเคราะห์อยู่ระหว่างทบทวนปรับเพิ่มประมาณการทั้งปีหลายบริษัท เช่นเดียวกับ Consensus ที่ปรับ EPS64F ตลาดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 81.15 บาทหุ้น (นับตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นมา 5 บาทหุ้น)

หนุนให้ดัชนีเป้าหมายมีโอกาสปรับขึ้นจากเดิมที่ 1,670 จุด ดังนั้นการที่ SET Index ย่อตัวลงมา น่าจะเป็นโอกาสในการสะสม โดยเลือกหุ้นที่มีโอกาส Outperform ตลาดสูงคือ SCC, PTTGC, MTC,ASK, MCS กำไรฟื้นเด่นในปีนี้ รวมถึงงวดไตรมาส 1 ปี 64 และ ADVANC, AS เป็นหุ้นช่วยลดความผันผวนจากปัญหา COVID-19!!

อินเด็กซ์ 51