ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 มี.ค.64 ปิดที่ 1,534.11 จุด ลบ 9.29 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 108,854.87 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 722.79 ล้านบาท
หุ้นไทยปิดลบตามหุ้นโลก จากแรงขายทำกำไรในหุ้นรายตัวหลังราคาพุ่งขึ้นแรงก่อนหน้านี้ รวมทั้งมีหุ้น Big cap ที่ขึ้น XD ไม่ได้สิทธิ์รับเงินปันผล เป็นปัจจัยกดดันดัชนี
บล.เอเซียพลัสชี้ว่า เม็ดเงินยังคงเคลื่อนย้ายออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย (Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯยังดีดตัวสูงขึ้นสูงกว่า 1.5%) และมีโอกาสไหลเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น 1.ต่างชาติยังให้น้ำหนักหุ้นเอเชียมากขึ้น และ Fund Flow ยังมี Momentum ไหลเข้าต่อเนื่อง สะท้อนได้จากผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (ytd) ของตลาดหุ้นฝั่งเอเชียนั้นปรับตัวขึ้นแรงกว่าตลาดหุ้นฝั่งยุโรป หรือสหรัฐฯ อาทิ ตลาดหุ้นอินเดียปรับขึ้น 7.7%, อินโดนีเซีย 6.7% และไทย 6.5% ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนี และสหรัฐฯ (Nasdaq) ปรับขึ้นเพียง 2.6% และ 0.8% เท่านั้น
นอกจากนี้ ต่างชาติยังหันมาลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคมากขึ้นในเดือน มี.ค.นี้ (mtd) ที่ผ่านมาแล้ว 3 วันทำการ มียอดซื้อสุทธิสะสมรวม 528 ล้านเหรียญ และเป็นการซื้อสุทธิเกือบทุกประเทศ รวมถึงหุ้นไทยที่ถูกซื้อสุทธิ 117 ล้านเหรียญ หรือ 3.5 พันล้านบาท
2.เม็ดเงินลงทุนโยกจากหุ้น Tech มาที่หุ้น Cyclical มากขึ้น สังเกตได้จากตลาดหุ้น Nasdaq (ส่วนใหญ่ประกอบด้วยหุ้น Tech) ซึ่งปีนี้ไม่ค่อย Outperform และช่วง 2 วันที่ผ่านมา ยังปรับตัวลงแรงถึง 4.5% ในทางกลับกันหุ้น Cyclical หรือหุ้นฟื้นตัวตามเศรษฐกิจกลับ Outperform ได้ดี
สรุปคือ Fund Flow ยังคงโยกออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยมาสู่สินทรัพย์เสี่ยง โดยน้ำหนักส่วนใหญ่โฟกัสไปที่หุ้นที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ รวมถึงหุ้นเอเชียที่ยัง Laggard ซึ่งตลาดหุ้นไทยได้อานิสงส์จากประเด็นนี้เต็มๆ แนะนำหุ้นราศีจับเน้นหุ้นเปิดเมือง BDMS-CPN-AAV!!
ปิดท้าย บล.ธนชาต ออกบทวิเคราะห์ แนะ “ซื้อ” BTSGIF หลังมองว่า Valuation ของราคาหน่วยลงทุน “ถูก” มากพอแล้ว หลังลดลงมาต่อเนื่องถึง 61% แม้ว่าจะปรับลดสมมติฐานผู้โดยสารลง 2-22% ในปี FY21-23F มีผลกระทบต่อกำไร 8-22% แต่ IRR ยังอยู่ในระดับสูงที่ 9.6% ต่อปี แต่เห็นปัจจัยที่จะผลักดันให้ผู้โดยสารโตขึ้นได้ หลัง COVID-19 คลี่คลาย จากส่วนต่อขยายสายสีเขียวตอนเหนือ และสายสีชมพู และสีเหลืองในปีหน้า
แนะนำ “ซื้อ” และมองบวกต่อโอกาสในการซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมจาก BTS ซึ่งคาดว่าจะเห็นภายในปีหน้า!!
อินเด็กซ์ 51