ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ธ.ค.62 ปิดที่ 1,567.63 จุด ลดลง 1.90 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 44,022.45 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,524.96 ล้านบาท ขณะที่กองทุนซื้อสุทธิ 1,700.48 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 74.25 บาท ลบ 0.50 บาท, ADVANC ปิด 211 บาท บวก 4 บาท, PTT ปิด 41.75 บาท ลบ 0.75 บาท, CPALL ปิด 75.25 บาท บวก 0.25 บาท และ INTUCH ปิด 57.75 บาท บวก 1 บาท
ตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้น แต่ยังคงมีความคาดหวัง เม็ดเงินจากกองทุน LTF-RMF เข้ามาซื้อหุ้นช่วยพยุงดัชนี!!
ฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินทิศทางหุ้นไทยมีโอกาส Sideway Down เนื่องจากสถานการณ์สหรัฐฯ-จีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ก่อนสิ้นเดือน ธ.ค. หลังจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ลงนาม บังคับใช้กฎหมายสนับสนุนสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและต่างชาติมีแนวโน้มขายปิดสถานะเมื่อใกล้ช่วงวันหยุดยาวปลายปี ประเมินดัชนีหุ้นแกว่งในกรอบ 1,565-1,595 จุด
ขณะที่ระยะสั้นตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน แม้จีนจะรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น และดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวแม้คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาซื้อกองทุน LTF-RMF เมื่อดัชนี หลุดระดับ 1,600 จุด ก็ตาม
แนะนำกลยุทธ์ให้เลือกลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์กรณีกรมสรรพสามิตแตะเบรกชะลอภาษีความเค็ม ชู TKN และ TFMAMA ยังลงทุนได้
และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ “บ้านดีมีดาวน์” ที่จะเริ่มลงทะเบียน 11 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ ทั้งหุ้น SPALI, AP, LPN, PF, ORI และ ANAN รวมทั้งหุ้นที่แนะนำลงทุนสำหรับเดือน ธ.ค. ได้แก่ JUBILE, TACC และ TNP!!
สำหรับสถิติตลาดหุ้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา “ศรพล ตุลยะเสถียร” รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เผยว่า ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 7,721 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิมากขึ้นในตลาดอาเซียนส่วนดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงน้อยที่สุดในอาเซียน ซึ่งเป็นผลจากการปรับน้ำหนักหุ้นใน MSCI Global Standard Index
โดยมีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 3 ตัว ส่งผลให้มีจำนวนหุ้นไทยใน MSCI สูงที่สุดในอาเซียน!!
อินเด็กซ์ 51