ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯยังคงปรับตัวลง ด้วยแรงกดดันจากปัจจัยเดิมๆจากสงครามการค้าจีน—สหรัฐฯและประเด็นที่สหรัฐฯกำลังดำเนินการกับเม็กซิโกเพิ่มเติม
ส่วนตลาดหุ้นในเอเชีย ตลาดมีทั้งบวกและลบ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยรอดูสถานการณ์การเมืองการจับขั้วตั้งรัฐบาล ที่ยังต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆกันไม่เสร็จสิ้น แต่วงในว่ายังไงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 5 มิ.ย.นี้ “บิ๊กตู่” ยังนอนมาแน่นอน!!
แต่ใช่ว่าได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้วจะจบสิ้นไชโยโห่ร้อง ประเทศชาติเดินหน้าหลุดพ้น เพราะดูเหมือนว่าการจัดตั้งรัฐบาลยังคงยืดเยื้อกันต่ออีกสักพัก จนกว่าอำนาจและผลประโยชน์ของคนเหล่านี้จะ “ลงตัว” ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชนนะ...ขอย้ำ!!
วกกลับมาตลาดหุ้น บล.เอเซียพลัส ยังคงให้จัดสรรน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนประเภทต่างๆ ไว้ตามเดิม แต่ปรับกลยุทธ์ในการ Selective ตราสารแต่ละกลุ่มให้สอดคล้องกับสถานการณ์แวดล้อม โดยในส่วนของพอร์ตการลงทุนหุ้นไทยให้น้ำหนัก 40% ของพอร์ตการลงทุนรวม แต่ได้ทำการปรับหุ้นในพอร์ตให้มาเน้นหุ้น High Dividend Yield มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้นได้
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ ให้น้ำหนักการลงทุน 20% ของพอร์ต โดยยังคงใช้กลยุทธ์ ให้ปรับเพิ่ม Duration ของพอร์ตตราสารหนี้ ทั้งนี้ อยู่บนความเชื่อว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และทิศทางของ Fund Flow หรือกระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าตราสารหนี้
ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศ คงน้ำหนักการลงทุนไว้ที่ 15% ซึ่งถือเป็นภาวะที่ Underweight อยู่แล้ว ทั้งนี้ เห็นว่าความเสี่ยงในเรื่องสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯยังไม่ลดลง และอาจมีประเด็นเพิ่มเติมที่สร้างแรงกดดันเข้ามาได้ ดังนั้น ตัวเลือกการลงทุนจึงให้ความสำคัญกับการลดความผันผวนให้ได้มากที่สุด
และลงทุนใน Fixed Coupon Note หุ้นกู้อนุพันธ์ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงมูลค่าฐานเป็นหุ้นต่างประเทศ (FCN) ให้น้ำหนัก 10% เพราะถือว่ายังเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ แต่ต้องให้น้ำหนักเรื่องความปลอดภัยมาก่อน Coupon Rate ที่สูง สำหรับการพักเงิน ในตลาดเงิน (Money Market) ยังคงน้ำหนักตามเดิมที่ 15%.
อินเด็กซ์ 51