ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 เม.ย.62 ปิดที่ 1,651.48 จุด บวก 6.84 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 41,912.45 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,241.65 ล้านบาท
ตลาดปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นโลกหลังตัวเลขภาคการผลิตโลกดีขึ้น และราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มทะลุ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หนุนบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด SCC ปิด 488 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง PTT ปิด 48 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง BDMS ปิด 25.25 บาท บวก 0.25 บาท CPALL ปิด 76.25 บาท บวก 0.50 บาท และ AOT ปิด 67.50 บาท บวก 0.25 บาท
บล.เออีซี (ประเทศไทย) มองตลาดสัปดาห์นี้ผันผวน เฝ้าจับตาความชัดเจนของรัฐบาลผสม สัดส่วนจำนวน ส.ส. ระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งจะบ่งชี้ถึงความมีเสถียรภาพทางการเมือง ขณะที่ภาพเศรษฐกิจไทย คาดว่ายังคงมีความเสี่ยงจากภาคการส่งออกที่ชะลอลงต่อเนื่อง ตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่เบาบางลง
ส่วนปัจจัยต่างประเทศตลาดยังคงมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยได้รับแรงหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่มีความคืบหน้าในทางที่ดี และตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ เป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้น
ด้านเทคนิคให้ดัชนี แนวรับ 1,625 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุน หากดัชนีปรับตัวลง มองเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้น 3 กลุ่ม หลัก คือกลุ่มนิคมฯและโลจิสติกส์ เนื่องจากกลุ่มนิคมฯได้รับอานิสงส์บวก ทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC ที่มีแนวโน้มการเติบโตโดดเด่นแนะนำหุ้น AMATA, WHA
นอกจากนี้ ยังมองหุ้นกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์บวกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แนะนำ BEM, WICE และมองหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล เป็น Defensive ที่น่าสนใจลงทุน เพราะเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสด และไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับภาพรวมธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เราได้อิงข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ในหุ้นที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside โดยให้น้ำหนักไปยังหุ้น EKH, BCH, BDMS ขณะเดียวกัน ยังเลือกหุ้นที่ Turnaround กำไรปี 62 ฟื้นตัวโดดเด่นชอบ TKS, TWPC, TVD!!
อินเด็กซ์ 51