หุ้นเดือนมีนา!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 มี.ค.62 ปิดที่ 1,635.30 จุด ลบ 6.14 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 45,025.41 ล้านบาท ต่างชาติขาย 1,648.30 ล้านบาท

“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ประเมินดัชนี มี.ค.62 ว่า จะแกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,700 จุด โดยดัชนีที่อยู่สูงกว่า 1,660 จุดขึ้นไปเป็นดัชนีที่ซื้อขายอิงพื้นฐานของกำไรปีหน้า

เนื่องจากหากอิงบนกำไรปีนี้จะเทียบเท่าระดับ Forward PE เกินกว่า 15 เท่าแล้ว

หากดัชนีจะไปซื้อขายบน Valuation ของปีหน้า เบื้องต้นขอใช้ระดับ Forward PE เพียง 14 เท่าก่อน ซึ่งจากการคำนวณจะได้ระดับดัชนีเหมาะสมที่ 1,690 จุด และเป็นที่มาของแนวต้าน 1,700 จุด

กลยุทธ์ลงทุนเดือน มี.ค. แนะชะลอการลงทุนและเลือกถือหุ้นปลอดภัย 3 กลุ่ม จนกว่าดัชนีจะย่อตัวลงมาก่อน

โดยหุ้นปลอดภัยได้แก่ 1.หุ้นขนาดใหญ่ปันผลสูงที่ราคายังคง Laggard ได้แก่ BBL 2.กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ได้แก่ ERW, CENTEL 3.กลุ่มที่ราคารับรู้ข่าวร้ายไปมากแล้ว ได้แก่ BDMS

สำหรับปัจจัยเสี่ยงเดือนนี้ ได้แก่ 1.ความเป็นไปได้ที่นักวิเคราะห์จะปรับลดประมาณการกำไร บจ.ลงต่อ จากการที่ต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น จากการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ซึ่งมีในส่วนของเงินชดเชยเลิกจ้างเพิ่มขึ้น

2.ดัชนีภาคการผลิตทั่วโลกที่ยังคงปรับตัวลงต่อ 3.การส่งออกไทยที่หดตัวมากสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง เป็นผลจากเงินบาทที่แข็งค่า และสงครามการค้า โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบสำคัญ คือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามและเป็นได้ทั้งบวกและลบได้แก่ 1.ผลการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศวันที่ 24 มีนาคม รวมถึงหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่และนายกฯคนใหม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อไปยังเสถียรภาพรัฐบาลและการออกกฎหมายต่างๆในช่วงถัดไป

2.การประกาศผลการพิจารณาของ MSCI ว่า จะมีการนำข้อมูล NVDR เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นหรือไม่ ซึ่งหากมีการบังคับใช้จริง จะเป็นผลลบต่อกลุ่มสถาบันการเงิน เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้มีการจำกัดการถือหุ้นของต่างชาติผ่าน NVDR

แต่จะเป็นผลบวกต่อตัวหุ้นที่ไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว ที่อาจถูกนำเข้าสู่การคำนวณดัชนีใหม่ ได้แก่ INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL โดยการบังคับใช้เกณฑ์ดังกล่าวอาจทำให้น้ำหนักของหุ้นไทยในดัชนี MSCI EM ปรับตัวเพิ่มขึ้นสุทธิราว 0.5%.

อินเด็กซ์ 51