ภาวะการซื้อขายหุ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรงตัวที่ระดับใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,756.41 จุด เพิ่มขึ้นเพียง 0.02% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 30.45% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 51,154.36 ล้านบาท โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากทั้งสองฝ่ายได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้ารอบใหม่เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ประกอบกับจีนยกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ดัชนี SET ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาช่วยประคองตลาดในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ซึ่งเป็นภาพที่สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงมีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในช่วงท้ายสัปดาห์
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ (1-5 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,745 และ 1,735 จุด แนวต้าน 1,765 และ 1,775 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือน ก.ย. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือน ส.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือน ก.ย.ของประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น และจีน
ภาวะตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ แต่ภาพรวมยังเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบที่ค่อนข้างแคบตลอดสัปดาห์ โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ท่ามกลางภาวะตึงเครียดเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ระดับ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ (1-5 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.30-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อในเดือน ก.ย. ส่วนปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ค่าจ้าง ผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการในเดือน ก.ย. เป็นต้น.
บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด