ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 31 ม.ค.61 ปิดที่ 1,826.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 63,252.09 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,048.37 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 492 บาท บวก 2 บาท, BANPU ปิด 22.80 บาท บวก 0.30 บาท, PTTEP ปิด 119 บาท บวก 1 บาท, KBANK ปิด 230 บาท ลบ 4 บาท และ PTTGC ปิด 96.25 บาท ลบ 0.75 บาท
“ภรณี ทองเย็น” รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้อยู่ระหว่างปรับฐาน ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูงถึง 35% และสูงสุดในระดับต้นของโลก โดยผลตอบแทนเป็นรองแค่ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ให้ผลตอบแทนที่ 40% แต่ก็ถือว่าหุ้นไทยแพงแล้ว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารอย่าง BBL และ KBANK!!
ขณะที่ภาพรวมตลาด ราคาหุ้นไทยก็ถือว่าค่อนข้างแพง โดยระดับราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ PE/Ratio ที่ 16.2 เท่า ทำให้แนวโน้มการปรับ
ขึ้นของดัชนีอยู่ในกรอบจำกัด โดยเอเซียพลัสประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,790-1,850 จุด โดยครึ่งปีแรกโอกาสที่ดัชนีจะผ่านแนวต้าน 1,850 จุด ได้ค่อนข้างยาก
ขณะที่แรงขายจากต่างชาติยังมีต่อเนื่อง โดยพบว่าขณะนี้ต่างชาติขายหุ้นในกลุ่ม TIP คือ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์!!
นอกจากนี้ ในช่วงนี้นักลงทุนกลับมากังวลปัจจัยการเมืองเรื่องการเลื่อนเลือกตั้งจากเดิมที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. 61 เป็น ก.พ. 62 ถือเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นไทย ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้นการลงทุนหลังผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียนทำให้นักลงทุนเทขายเพื่อทำกำไร
สำหรับปัจจัยสำคัญอื่นๆที่นักลงทุนติดตาม คือความชัดเจนเรื่องนโยบายการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ
และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะให้เลือกหุ้นปันผลดี และ ขายทำกำไรในหุ้นที่มีราคาปรับขึ้นจนเต็มมูลค่า
สำหรับหุ้นที่แนะนำ คือ SIRI, MAJOR, MCS และ INTUCH ที่จ่ายปันผลในระดับสูง โดยแนะนำให้ซื้อก่อนประกาศขึ้น XD 1–2 เดือน จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนดีที่สุด!!
อินเด็กซ์ 51