
“ทองบาทแรกของใครหลายคน ไม่ได้ซื้อมาด้วยความโลภ แต่อยากมีไว้ยามจน”
“บางคนแต่งงานตอนทองบาทละหกพัน วันนี้ลูกเขาเรียนจบแล้วในยุคทองแตะหกหมื่นกว่า”
“ทองคำ” ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับ หรือสินทรัพย์ที่เปล่งประกายเท่านั้น แต่คือภาพสะท้อนของเศรษฐกิจไทยในแต่ละยุค ตั้งแต่วันที่คนไทยเริ่มซื้อทองเก็บไว้ในลิ้นชัก ไปจนถึงวันที่ทองกลายเป็นสินทรัพย์ในพอร์ตลงทุน
ย้อนไทม์ไลน์ ดูตั้งแต่ปี 2533 ที่ราคาทองเพียง 3,500 บาทต่อบาททองคำ หากเก็บไว้จนถึงปัจจุบัน (21 ตุลาคม 2568) ทองคำเส้นนั้น จะมีมูลค่าถึง 67,450 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,828% ตัวเลขนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ผลตอบแทนจากการลงทุน แต่คือเรื่องราวของเศรษฐกิจที่ผันผ่านทั้งวิกฤติฟื้นตัว และความมั่งคั่งที่คนไทยเฝ้ามองมาเกิน 30 ปี
เมื่อกราฟราคาทองคำ ได้กลายเป็นกราฟชีวิตของคนไทย จึงมีเรื่องราวต่างๆ ซ่อนอยู่ เช่น ...
พ.ศ. 2548-2552 : ยุคแต่งงาน ซื้อทองเป็นสินสอด
“ทอง” คือหลักฐานของความรัก และศักดิ์ศรีของครอบครัว
พ.ศ. 2553 - 2557 : ยุคสะสมทอง ออมไว้ให้ลูก
ทองไทยขยับขึ้นแรงในช่วงวิกฤติยุโรป ปี พ.ศ. 2554 ราคาทองพุ่งแตะ 24,000 บาทคนไทยเริ่มมองทองไม่ใช่ของสวยงามในตู้แล้ว แต่คือ “สมุดบัญชีอีกเล่ม” ของครอบครัวร้านทองเต็มไปด้วยคนถือเงินสดมาซื้อแท่งทอง 1 บาท เก็บไว้เป็น “ทุนให้ลูกในอนาคต”
พ.ศ. 2558–2563 : ยุคทองในฐานะ “ที่พึ่งยามวิกฤติ”
ราคาทองเฉลี่ยขยับจาก 18,000 บาท ไปแตะ 27,000 บาท ช่วงนี้คือช่วงที่โลกเจอกับความไม่แน่นอนหลายระลอก จากสงครามการค้า ไปจนถึงการระบาดของโควิดในปี พ.ศ. 2563 ทองกลายเป็น “ที่พึ่งทางใจ” และ “ที่พักเงิน” ของคนจำนวนมาก ใครขายทองในปีนี้… มักบอกว่า “ไม่ได้อยากขาย แค่ต้องเอาเงินไปประคองชีวิต”
พ.ศ. 2564-2568 : ยุคทองกลายเป็น “สินทรัพย์ลงทุน”
จากโลหะในร้านทอง สู่กราฟในพอร์ตออนไลน์ ราคาทองคำทะยานขึ้นแตะ 67,450 บาท (ต.ค. 2568) สร้างสถิติใหม่สูงสุด คนรุ่นใหม่ไม่ได้ซื้อทองเพื่อใส่ แต่ “ซื้อผ่านแอป” ถือทองในรูป Digital Gold หรือกองทุน ETF เพราะทองไม่ได้มีแค่ค่าในใจอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น “สินทรัพย์ทางเลือก” ที่ต้องมีในพอร์ตลงทุน
อย่างไรก็ดี เส้นกราฟทองคำตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ยังมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือ ทุกครั้งที่ทองขึ้นแรง มักมาพร้อม “วิกฤตเศรษฐกิจ”
ทองจึงไม่ใช่สินทรัพย์ที่ขึ้นเมื่อเศรษฐกิจดี แต่มักกลายเป็นที่พักเงินของโลกในยามที่ความเชื่อมั่นสั่นคลอน แต่สำหรับคนไทยแล้ว “ทอง” คือ เรื่องของชีวิต ต่างจากหลายประเทศที่มองทองคำเป็นเพียงสินทรัพย์ เพราะทองมีความหมายทางใจมากกว่านั้น อย่างที่ระบุ มันอยู่ในพิธีแต่งงาน ในข้อมือของแม่ที่เก็บไว้ให้ลูก บ้างอยู่ในตู้เซฟของคนวัยเกษียณที่บอกว่า “เก็บไว้ยามป่วย” และในพอร์ตของคนรุ่นใหม่ที่บอกว่าไว้ Hedge (ป้องกัน)“ความเสี่ยง” ทองจึงเป็นเสมือน “ภาษากลางของความมั่นคง” ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ชนชั้นไหน หรือผ่านยุคไหนมาก็ตาม
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ราคาทองให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ปีละ 8-10% แม้จะไม่ได้พุ่งหวือหวาแบบคริปโตหรือหุ้นเทคโนโลยี แต่มันคือสินทรัพย์ที่ “ไม่เคยศูนย์”และ “ไม่เคยหายไปจากความทรงจำของคนไทย” บางคนถือทองไว้ 10 ปี เพื่อส่งลูกเรียนบางคนเก็บไว้ในวันตกงาน เพื่อประคองชีวิต บางคนเก็บไว้เพื่อดูเส้นกราฟขึ้น แล้วรู้สึกภูมิใจว่า “โชคดีที่วันนั้นไม่ได้ขายไปเสียก่อน”
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney