
ราคาทองคำกำลังเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) ราคาทองคำโลกทะยานแตะกว่า 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ทองคำแท่งในไทยก็ขยับขึ้นไปถึง 55,400 บาทต่อบาททองคำ ท่ามกลางกระแสการจับตาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แท้จริงแล้ว ราคาทองคำไม่ได้ขึ้นหรือลงเพราะโชคชะตา แต่มี “กลไกสำคัญ” หลายอย่างที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง บทความนี้จะสรุปสาเหตุหลัก 6 ข้อ แบบเข้าใจง่าย เพื่อให้เห็นภาพว่าพื้นฐานการขึ้น-ลงของราคาทองคำ มาจากปัจจัยอะไรบ้าง
1. เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)
ทองคำซื้อขายในตลาดโลกด้วยดอลลาร์สหรัฐ แต่ความสัมพันธ์มักสวนทางกัน
เช่น สถานการณ์ล่าสุด ช่วงนี้ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากการคาดการณ์ว่าเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) อาจลดดอกเบี้ย จึงเป็นตัวหนุนให้ราคาทองทะยานขึ้น
2. เงินเฟ้อ
ทองคำถูกมองว่าเป็น “เกราะป้องกันเงินเฟ้อ” ตลอดกาล เพราะไม่เสื่อมค่าตามสกุลเงิน เมื่อค่าครองชีพแพงขึ้น คนยิ่งหันมาซื้อทองเพื่อรักษามูลค่าเงิน ทำให้ความต้องการสูง ราคาก็ปรับเพิ่มตาม
โดยปัจจุบัน แม้เงินเฟ้อโลกไม่พุ่งแรงเหมือนปีก่อน แต่ความกังวลต่อเศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนชีวิตสูงยังคงมี นี่เองเลยทำให้ทองคำยังน่าสนใจในฐานะที่หลบภัยจากเงินเฟ้อ
3. อัตราดอกเบี้ย
การเคลื่อนไหวของดอกเบี้ยเป็น “ต้นทุนแฝง” ของการถือทอง
ซึ่งจากข่าวลือล่าสุด ว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยแรง ทำให้นักลงทุนรีบเข้าซื้อทอง ส่งผลให้ราคาดีดขึ้นรุนแรง
4. วิกฤติเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
จะสังเกตได้ว่า ทุกครั้งที่โลกเผชิญวิกฤติ เช่น สงคราม ความตึงเครียดการเมือง หรือการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทองคำจะถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven) นักลงทุนจึงมักเทขายสินทรัพย์เสี่ยงแล้วหันมาถือทอง นี่เองทำให้ราคาทองปรับขึ้น และจากเหตุการณ์ปัจจุบัน จากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่ทั่วโลก จึงกลายเป็นตัวแปรที่ช่วยหนุนราคาทองให้สูงต่อเนื่อง
5. กลไกตลาด: อุปสงค์–อุปทาน
ทองคำ ก็เหมือนสินค้าทั่วไป ราคาขึ้นลงตาม “อุปสงค์–อุปทาน”
ตัวแปรสำคัญ ช่วงนี้ คือ ธนาคารกลางหลายประเทศเร่งสะสมทองสำรองมากขึ้น ทำให้อุปสงค์สูงกว่าอุปทาน ราคาทองจึงยิ่งพุ่งแรง
6. ค่าเงินบาท (THB)
สำหรับทองในไทย ปัจจัย “ค่าเงินบาท” มีผลโดยตรง
ขณะเดียวกัน การแข็งค่าของ “เงินบาท” ช่วงนี้ก็มีความเกี่ยวเนื่องของการซื้อขายทองคำมากขึ้นด้วย จึงกลายตัวแปรที่แบงก์ชาติจับตา
จากข้อมูลเบื้องต้น จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำขึ้น–ลงไม่หยุดเพราะถูกขับเคลื่อนด้วย 6 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ค่าเงินดอลลาร์, เงินเฟ้อ, ดอกเบี้ย, วิกฤติเศรษฐกิจ/ภูมิรัฐศาสตร์, อุปสงค์–อุปทาน และค่าเงินบาท สำหรับใครที่ติดตามปัจจัยเหล่านี้อยู่เสมอ จะเข้าใจทิศทางตลาดทองคำได้ดีขึ้น และสามารถวางแผนลงทุนได้รอบคอบกว่าเดิมแน่นอน
ที่มา : ทองคำไทย.com ,ธปท.
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney