
ใกล้วันแม่แบบนี้ ใครอยากซื้อทองให้แม่เป็นของขวัญต้องอ่าน Thairath Money พาส่องความเห็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า ราคาทองจะไปต่อ มาเจาะลึกกันว่าปัจจัยอะไรหนุน และนักลงทุนควรวางแผนอย่างไร
ผลสำรวจล่าสุดจากศูนย์วิจัยทองคำตอกย้ำมุมมองเชิงบวก โดยทั้งฝั่ง ผู้เชี่ยวชาญ (62%) และ นักลงทุนรายย่อย (81%) ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับราคาที่ขยับขึ้นมาแล้ว 450 บาทต่อบาททองคำในสัปดาห์ก่อน
ด้าน YLG ชี้ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลง ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง ซึ่งการลดดอกเบี้ยถือเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อทองคำ
ผลสำรวจล่าสุดจาก GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ (ระหว่างวันที่ 11-15 ส.ค. 68) สะท้อนมุมมองเชิงบวกอย่างชัดเจนต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศ ดังนี้
ภาพรวมนี้สอดคล้องกับสถานการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งราคาทองคำแท่ง 96.5% ปรับตัวขึ้น 450 บาท มาปิดที่ 51,950 บาทต่อบาททองคำ
นอกจากนี้ จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ ยังมีอีก 5 ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำโดยตรง ได้แก่
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ให้ความเห็นว่า ราคาทองคำมีสัญญาณที่ดีอีกครั้งหลังจากพักตัวไปก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณอ่อนแอลง ส่งผลให้ตลาดกลับมาคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25%
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นยังอาจถูกแรงขายทำกำไรสลับออกมาได้บ้าง จากประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่บรรเทาลง หลังจากการเจรจาระหว่างทูตสหรัฐกับรัสเซีย เพื่อยุติสงครามในยูเครนนั้นมีความคืบหน้าในเชิงบวก
และล่าสุด “โดนัลด์ ทรัมป์” เปิดเผยว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะพบปะกับ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย และ “โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี” ประธานาธิบดียูเครน เร็วๆ นี้
สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของทองคำในระยะสั้น YLG คาดว่าทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวต้าน 3,405-3,420 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และกรอบแนวรับ 3,358-3,329 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ส่วนราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 51,000 - 52,350 บาทต่อบาททองคำ (ที่ระดับค่าเงินบาท 32.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)
นักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนระยะยาวนั้น แนะนำสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการสะสมทอง และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย
สำหรับนักลงทุนทองคำและผู้สนใจ สามารถติดตามอัปเดตราคาทองคำล่าสุด วิเคราะห์แนวโน้ม สถิติราคาทองคำย้อนหลัง กราฟราคาทอง ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment/gold
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment