
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ประเมินสถานการณ์ทองคำปรับตัวลดลงเป็นแค่ช่วงสั้น จาก 2 ปัจจัย ทั้งการเทขายทำกำไร ในภาวะ Risk-off เพื่อปิดความเสี่ยงมาถือเงินสด จากความผันผวนมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐ
ทั้งนี้ ราคาทองคำจะมีลุ้นแตะ 3,300-3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนเจรจากับสหรัฐไม่สำเร็จ หรือมีการตอบโต้จนก่อให้เกิดสงครามการค้า และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนกระตุ้นเฟดผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
โดยแนะใช้จังหวะทองคำปรับฐานเข้าซื้อเพื่อลงทุนได้ทั้ง ระยะสั้น-กลาง-ยาว เหตุมีโอกาสสูงที่ในอีก 12 เดือน จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ชี้การลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์ส เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจในช่วงทองคำราคาสูง
ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำผันผวนหลังจากปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 3,167.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย. ขานรับการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของสหรัฐ ที่อาจกระทบเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ทองคำได้ถูกแรงขายทำกำไร เนื่องจากทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ได้พุ่งขึ้นขานรับประเด็นดังกล่าวมาตลอดเกือบไตรมาส 1 ที่ผ่านมาแล้ว จึงเกิดการ Sell on fact ในภายหลัง จนราคาปรับตัวลดลง 210 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือลดลง 6.63% สู่ระดับ 2,956.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันจันทร์ที่ 7 เม.ย.
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ ถือว่าทองคำยังคงยืดหยุ่นกว่าอย่างมาก และแม้ราคาจะปรับลดลงมาอย่างรวดเร็ว แต่นับจากต้นปีมาถึงราคาปิดวันที่ 9 เม.ย. ทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นถึง 460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 17.48%
สำหรับความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้นนี้ มีปัจจัยหลักมาจากความกังวลต่อนโยบายการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ ที่เริ่มบานปลายจากการตอบโต้ของทางฝั่งจีน จนนำไปสู่การกประกาศตัวเลขอัตราการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นจนท้ายที่สุดจีนโดนสหรัฐเรียกเก็บภาษีมากถึงอัตรา 125% อย่างไรก็ดี YLG ประเมินไว้ 2 แนวทาง ดังนี้
นอกจากนี้ มองว่าแรงขายทำกำไรทองคำยังมาจากราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปี จึงเกิดแรงขายทำกำไรและเป็นแรงขายเพื่อถือเงินสด และโยกเงินเติมมาร์จิ้นและชดเชยผลขาดทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ดังนั้นคาดว่าแรงขายรอบนี้เป็นเพียงปฏิกิริยาระยะสั้นเท่านั้น
เช่นเดียวกับครั้งที่ทองคำเคยถูกเทขายลงมาพร้อมตลาดหุ้นทั่วโลกให้ช่วงการระบาดของ COVID-19 และที่สำคัญคือ ทองคำยังไม่สูญเสียสถานะของสินทรัพย์ปลอดภัยแต่อย่างใด เพียงแต่แรงขายในตลาดทองคำส่งผลให้มุมมองเทคนิคระยะกลางเข้าสู่ช่วงของการพักฐานในระยะกลาง สะสมกำลังเพื่อปรับตัวขึ้นต่อในระยะยาว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานต่อทองคำยังไม่เปลี่ยนแปลง
YLG จึงประเมินว่าการพักตัวของทองคำในระยะกลางจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาวในการกลับเข้าสะสมทองคำอีกครั้งเมื่อราคาย่อตัวลง เนื่องจากความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเกิด Recession ในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม
หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จะส่งผลให้เฟดต้องกลับมาผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือ ยุติการทำ Quantitative Tightening (QT) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์และหนุนราคาทองคำ และจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนทองคำได้อย่างมากในปี 2568
นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาดด้วย
สำหรับราคาทองในประเทศวันนี้ (10 เมษายน 2568) เปลี่ยนแปลง 18 ครั้งตลอดวัน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่ม 550 บาท จากวันก่อน ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ณ เวลา 16:48 น.