ส่องทิศทางราคาทองคำหลัง “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง ผู้ค้าชี้เป็นจังหวะซื้อ 3,000 ดอลลาร์ฯ ปีหน้าเห็นแน่

Investment

Gold

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ส่องทิศทางราคาทองคำหลัง “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง ผู้ค้าชี้เป็นจังหวะซื้อ 3,000 ดอลลาร์ฯ ปีหน้าเห็นแน่

Date Time: 14 พ.ย. 2567 13:03 น.

Video

สรุปการยื่นภาษี สิทธิ์ลดหย่อนล่าสุด! กับ ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ (iTAX) | Thairath Money Night Stand EP.27

Summary

นายกสมาคมผู้ค้าทองคำและนักวิเคราะห์ฯ ชี้ราคาทองคำมีโอกาสไปต่อ และมีโอกาสแตะที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในปี 2568

Latest


ราคาทองคำโลกผันผวนอย่างหนัก นับตั้งแต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าทองและนักวิเคราะห์ฯ ยังมองว่าราคาทองคำมีโอกาสไปต่อ และมองว่าการย่อตัวลงครั้งนี้ เป็นจังหวะในการเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว โดยมองว่าราคาทองคำ มีโอกาสแตะที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในปี 2568

ล่าสุด ณ เวลา 11:10 น. ราคาทองคำโลก (Gold Spot) ปรับลดแตะที่ระดับ 2,560 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนราคาทองคำไทยปรับลดลง 3 ครั้ง รวมลดลง 400 บาท ส่งผลให้ ทองคำแท่งรับซื้อ  42,350 บาทต่อบาททองคำ ขายออก 42,450 บาทต่อบาททองคำ


จิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ให้ความเห็นกับ “Thairath Money” ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ราคาทองคำแกว่งตัวและผันผวนอย่างมาก หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีกระแสข่าวรุนแรงเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่ชัดเจนอยู่

ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ รอบก่อนหน้านี้ โดยจะเห็นได้ว่าราคาทองคำในระยะสั้น ผันผวนและปรับตัวลดลงอยู่ในช่วงประมาณ 200-250 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างมีการย้ายเม็ดเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ทำให้ทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยนั้น ถูกกดลงมาเยอะ ซึ่งยังต้องติดตามนโยบายสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจน 20 มกราคม 2568

นอกจากนี้ ยังมองว่ามี “กองทุน” บางแห่งที่พยายามสร้างกระแสข่าวเพื่อ “ปั่น” ราคาทองคำ โดยแนะนำนักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะทองคำ Gold spot

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมเชื่อว่าราคาทองคำช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้จะปรับตัวขึ้นได้ และต่อเนื่องไปยังปี 2568 ที่เชื่อว่าจะมีโอกาสแตะที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนทิศทางราคาทองคำในประเทศ ยังคาดการณ์ได้ลำบาก โดยต้องติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด จากปัจจุบันอ่อนค่าลงมาแตะ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

จิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาทองคำในช่วงนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนระยะยาว และสามารถทยอยเข้าซื้อได้ โดยแนะนำให้ซื้อเป็น “ทองคำจริง” มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ยังมีความผันผวนอยู่

พร้อมเตือนนักลงทุนที่ใช้ “มาร์จิ้น” หรือการวางมัดจำเพื่อลงทุนทองคำว่ามีความเสี่ยงและอันตรายมากในช่วงนี้ ซึ่งควรจ่ายเงินเต็มจำนวนเพื่อการลงทุนในระยะยาวมากกว่า


ด้าน ศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ในช่วงนี้ราคาทองคำถือว่ามีแนวโน้ม “ขาลง” หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา หากพรรคริพับลิกันชนะการเลือกตั้ง ราคาทองคำจะปรับลดลงเฉลี่ย 4.5% ในช่วง 60 วันหลังจากนั้น

อย่างไรก็ตาม ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลกไว้ที่ 2,500-2,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ และปี 2568 มีโอกาสแตะที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยยังต้องติดตาม 4 ประเด็นหลัก ที่มีผลต่อทิศทางราคาทองคำในอนาคต ได้แก่

  1. นโยบายทรัมป์ 2.0 และผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ
  2. อัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
  3. ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง
  4. กระแส De-Dollarization หรือการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์

ส่วนแนวโน้มราคาทองในประเทศ ยังต้องติดตามประเด็นด้านอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ ราคาทองคำจะอยู่ในกรอบ 42,000-44,000 บาทต่อบาททองคำ จากเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม “ทองคำ” ยังถือเป็นสินทรัพย์ที่เป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาวได้อยู่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสงคราม ดังนั้น แนะนำนักลงทุนให้ทยอยเข้าซื้อลงทุน โดยให้แนวรับที่ระดับ 2,365-2,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ  และพิจารณาการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนร่วมด้วย

 

อ่านข่าวการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ