ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาทองคำในตลาดโลกและราคาทองคำในประเทศวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All time high) โดยราคาทองคำในประเทศขึ้นไปสูงสุดที่บาทละ สูงสุดที่ 34,400 บาท เพิ่มขึ้น 300 บาท ก่อนท้ายตลาดราคาจะไหลลงมาปิดที่ 34,100 บาท ขาย 34,200 บาท เพิ่มขึ้น 100 บาท ตลอดทั้งวันราคาปรับตัว ไปถึง 17 ครั้ง เนื่องจากราคาทองตลาดโลกที่เคลื่อนไหวผันผวนมาก ซึ่งในช่วงระหว่างวันเริ่มมีแรงเทขายออกมา ทำให้ราคาทองตลาดโลกเริ่มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงราคาทองคำ วันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ภาพรวมราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) ทั้งราคาในไทยและตลาดต่างประเทศ โดยปัจจัยหลักมาจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. เฟดอาจพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้นักลงทุนมองทองคำน่าสนใจในการลงทุน
“แนวโน้มราคาทองคำในระยะต่อไปมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อ โดยมองราคาทองคำตลาดโลกมีแนวต้านที่ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศประเมินไว้ว่ามีโอกาสขึ้นไปสูงสุดที่ 34,800 บาท ราคาทองคำในประเทศยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม เพราะขึ้นกับค่าเงินบาทที่ค่อนข้างผันผวน ทำให้ราคาทองคำผันผวนตามไปด้วย โดยค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ราคาทองคำในประเทศสูงขึ้น แต่หากเงินบาทแข็งค่า ราคาทองในประเทศในรูปเงินบาทก็จะลดลง ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การประชุมเฟด หากมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย อาจทำให้ราคาทองคำตลาดโลกทะลุ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้เร็วขึ้น จึงมองว่าทองคำมีความน่าสนใจลงทุน”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่