หุ้น - ดอกเบี้ย -เงินเฟ้อ และ ทองคำ ปัจจัยเกี่ยวโยง ที่ตัดกันไม่ขาด ว่ากันว่า “เมื่อไหร่ หุ้นปรับลดลง ราคาทองคำก็จะปรับขึ้น” ในทางตรงกันข้ามกัน หาก ดอกเบี้ยขึ้น สงครามยืดเยื้อ ราคาทองคำ จะไปทางไหน? โดยเฉพาะทิศทางช่วงครึ่งปีหลัง 2566
ล่าสุด สหรัฐฯ เพิ่งประกาศตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 1 ออกมา โดยผลปรากฏออกมาว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งเกินคาด GDP ขยายตัวสูง 2% ส่วนตัวเลขคนว่างงานต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ฉะนั้น ความเป็นไปได้ที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยังจำเป็นต้อง ขึ้น ‘อัตราดอกเบี้ยนโยบาย’ ไปสู่จุดสูงสุด ยังคงเกิดขึ้น ตามการวิเคราะห์อย่างมากถึง 2 ครั้งในปีนี้
ผลสะท้อนที่ชัดเจนมากที่สุด คือ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ารอ แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนครึ่ง เมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะที่ค่าเงินบาทไทย อ่อนค่าลง เคลื่อนไหวในกรอบ 35.55-35.85 บาท/ดอลลาร์ ผันผวนไม่รู้จบ ภายใต้ภาพ เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน จากเงินเฟ้อสูง ยังค้างอยู่เนิ่นนาน
“ทองคำ” ที่ได้ชื่อว่าเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งจากภัยสงคราม และ วิกฤติเศรษฐกิจ เพราะมีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง และ ลงทุนได้หลากหลาย มักถูกยกเป็นทางเลือกของนักลงทุน ในช่วงดังกล่าว ยิ่งช่วงนี้ ตลาดหุ้นไทยซึมๆ หลังจากการถูกตั้งคำถาม ถึงความเชื่อมั่นทั้งระบบ อันเนื่องมาจากวิกฤติหุ้น STARK พ่นพิษ บ้างมอง ยิ่งเพิ่มความสนใจในการลงทุน “ทองคำ” ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูข้อเท็จจริง ราคาทองคําในตลาดโลก เมื่อวานปรับตัวลดลง ทําจุดตํ่าสุดที่ระดับ 1,893 เหรียญ ก่อนดีดขึ้นมาปิดที่ ระดับ 1,909 เหรียญ ส่งผล ราคาทองคําไทยเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways ระหว่างแนวรับที่ 31,850 บาท ต่อบาททองคํา และแนวต้านที่ 32,200 บาทต่อบาททองคํา
ขณะนักวิเคราะห์ทองคำ ต่างวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำว่า ทองอยู่ในช่วงขาลงอีกครั้ง พร้อมเน้นย้ำให้นักลงทุนบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ในแนวโน้มทิศทางขาลงเช่นนี้ เท่ากับ ครึ่งปีแรก ทองคำปิดฉากทรงไม่ค่อยดีนัก
ทองคำ ลุ้น อานิสงส์ 3 ปัจจัยหนุน
สำหรับทิศทางราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังนั้น เจาะในมุมมองของผู้ค้าทองคำไทย รายใหญ่ “วายแอลจี” มองภาพรวมว่า น่าจะดีกว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ด้วย 3 ปัจจัยบวกสนับสนุน
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ระบุ มีความเป็นไปได้ที่ “ทองคำ” จะปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง
หลังจากที่ครึ่งปีแรกเคยทำไว้ที่ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยวายแอลจีมองปัจจัยหนุนที่จะทำให้ครึ่งปีหลังราคาทองคำในภาพใหญ่จะมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ ดังนี้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของราคาทองคำในประเทศนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะยังทรงตัว ใกล้เคียงครึ่งปีแรก เนื่องจากมองว่าครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และค่าเงินบาทน่าจะมีทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดังนี้ หากนักลงทุนต้องการลงทุนในทองคำสามารถลงทุนในรูปของดอลลาร์สหรัฐเพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้