
ซื้อทองตอนนี้ดีไหม ราคาทองตอนนี้เหมาะกับการซื้อเก็บหรือเปล่า ไขคำตอบแนวโน้ม "ราคาทอง" กับนักวิเคราะห์กลยุทธ์ มองราคาทองคำจะพุ่งทะยานเพราะ 3 ปัจจัย เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยต่ำ หนี้ทั่วโลกสูง
นางสาวทิพย์รัตน์ นันทปรีดาวัฒน์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยกับ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 7 ปี อยู่ที่ 1,740 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ซึ่งวันนั้นราคาทองรูปพรรณขายออกบาทละ 26,750 บาท และรับซื้อที่บาทละ 25,575 บาท
ส่วนราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 26,050 บาท ขายออกบาทละ 26,250 บาท และหลังจากนั้นก็เคลื่อนไหวผันผวนอยู่ในกรอบราว 1,670-1,730 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
สำหรับทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น มองว่าราคาทองคำอาจเพิ่มขึ้นได้อย่างจำกัด เนื่องจากถูกกดดันจากแนวโน้มราคาน้ำมัน ซึ่งยังไม่น่าจะฟื้นตัวขึ้นจนกว่าอุปสงค์โลกจะฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 โดยราคาทองคำยังอาจถูกกดดันเพิ่มเติมจากการเทขายของนักเก็งกำไร
โดยรายงานสถานะการลงทุนของนักเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (CFTC Commitment of Trader Report) ซึ่งสะท้อนมุมมองของนักลงทุนประเภท Hedge Funds ชี้ว่าสถานะสะสม Net Long ของสัญญาทองคำยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ ถึงแม้จะลดลงมาตั้งแต่ต้นปีแล้วกว่า 1 ใน 5 จากระดับสูงสุดที่ 350,000 สัญญา ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อย่างจำกัดในระยะสั้น
ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในระยะยาวมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่
1. ความเสี่ยงที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาเพิ่มขึ้นแรงในอนาคต
2. อัตราดอกเบี้ยที่จะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ท่ามกลางการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
3. ความเสี่ยงจากปัญหาหนี้ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หลังรัฐบาลออกพันธบัตร เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า หนี้สาธารณะของหลายประเทศจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์
เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่จะเพิ่มขึ้นราว 20% ต่อ GDP ในปีนี้ เป็น 130% ต่อ GDP และ 250% ตามลำดับ ซึ่งหนี้ที่อยู่ระดับสูงจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว จึงมองว่าราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อในระยะยาว
ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนเริ่มทยอยซื้อทองคำ ช่วงที่ราคาอาจปรับฐานลงมาในระยะสั้น และประเมินว่าราคาทองคำจะกลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 1,750 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 26,500 บาท ได้ภายในปี 63 นี้.
ร้านไหน เจ้าไหน ถูกสุด เช็คเลย >>> คลิก