
ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มสั่นคลอน ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง “ทองคำ” และ “โลหะเงิน” กลับมามีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่หนี้สาธารณะทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหมืองทองคำและเหมืองโลหะเงิน กำลังเป็นที่น่าสนใจ ในฐานะสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า เนื่องจากหุ้นเหมืองมีคุณสมบัติเป็น High Beta ที่สามารถ Outperform ราคาโลหะได้ในรอบตลาดขาขึ้น
Thairath Money พาเจาะลึก กองทุน A-RING (เหมืองทองคำ) และ กองทุน A-SLVP (เหมืองโลหะเงิน) จาก บลจ. แอสเซท พลัส ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการเติบโตของบริษัทชั้นนำเหล่านี้ และคว้าโอกาสในการ “ขุดความมั่งคั่ง” จากวัฏจักรขาขึ้นของโลหะมีค่าได้อย่างมีกลยุทธ์
แม้ราคาทองคำจะปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2565 แต่เมื่อเทียบกับสถิติในอดีตรอบขาขึ้นของทองคำที่เฉลี่ย 343% ในระยะเวลาเฉลี่ย 1,096 วัน ปัจจุบันยังถือว่าอยู่ใน “ช่วงต้นของวัฏจักรขาขึ้น” และมีโอกาสต่อในการสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม มูลค่าความต้องการลงทุนในทองคำ (ไม่รวมเครื่องประดับและอุตสาหกรรม) อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย บลจ.แอสเซท พลัส ชี้ว่ามี 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาอยู่ในรอบขาขึ้น ได้แก่
นอกจากนี้ การเข้าสู่ช่วงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำ ซึ่งเป็นไปตามสถิติที่ราคาทองคำมักปรับขึ้นก่อนการประกาศลดดอกเบี้ย และมักปรับขึ้นได้อีก 6 สัปดาห์หลังจากนั้น ก่อนจะเข้าสู่ช่วงพักฐานโดยเฉลี่ย 10−12 สัปดาห์ ก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อ ทำให้นักลงทุนมองโอกาสพักฐานของราคาทองคำเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
สำหรับโลหะเงิน ก็กำลังถูกผลักดันจากความต้องการภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจาก 3 เมกะเทรนด์ ได้แก่
1. การติดตั้งแผงโซลาร์ทั่วโลกเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยโซลาร์คิดเป็นกว่า 60% ของการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอีก 5 ปี
2. ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ที่หนุนโดยการเติบโตของ Data Center ที่มี Semi เป็นรากฐาน
3. แบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า การผลิต BEV & Hybrid มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายรถยนต์ EV จะแซงรถน้ำมันในปี 2580
เนื่องจากเงินยังคงเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติการนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด จึงถูกนำไปใช้ในเกือบทุกอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพากระแสไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน ตลาดโลหะเงินยังเผชิญกับภาวะขาดดุลอุปทานอย่างต่อเนื่อง โดยผลผลิตแร่เงินมีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น ที่มาจากเหมืองเงินโดยตรง ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตในฐานะผลพลอยได้จากเหมืองอื่นๆ และการเปิดเหมืองใหม่มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น จากกฎระเบียบที่เข้มงวดและต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งภาวะขาดดุลนี้หนุนการปรับขึ้นของราคา
ในช่วงที่ราคาทองคำและโลหะเงินกำลังเข้าสู่รอบขาขึ้นครั้งใหม่ การลงทุนในหุ้นของบริษัทเหมือง กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจยิ่งกว่าการถือครองสินทรัพย์จริง เนื่องจากในอดีตพบว่าในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง หุ้นเหมืองทองมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ในอัตราส่วนที่สูงกว่าทองคำถึง 2 เท่า
ขณะที่หุ้นเหมืองโลหะเงินปัจจุบันยังคง Laggard และมีโอกาสที่ราคาจะไล่ตามราคาเงินได้อีกมาก ประกอบกับพื้นฐานของบริษัทเหมืองในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก
และเพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการเติบโตของหุ้นเหมืองทองและเหมืองเงิน บลจ. แอสเซท พลัส ได้นำเสนอ 2 กองทุน เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการเข้าถึงการเติบโตของหุ้นเหมืองโลหะมีค่า โดยมีรายละเอียดและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันตามโลหะที่ลงทุน ดังนี้
1.กองทุนเปิด เอแทรคเกอร์ส โกลบอล โกลด์ ไมเนอร์ส อิควิตี้ (A-RING)
กองทุนนี้มีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ 7 มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทเหมืองทองคำทั่วโลก เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในทองคำแท่งในช่วงขาขึ้น เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund
ลงทุนในกองทุนหลัก iShares MSCI Global Gold Miners ETF (RING) ซึ่งจดทะเบียนใน NASDAQ สหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงดัชนี MSCI ACWI Select Gold Miners Investable Market Index (IMI)
โดยกองทุนหลัก RING บริหารโดย BlackRock ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ที่สุดในโลก คัดเลือกบริษัทอย่างน้อย 30 แห่งทั่วโลก ที่มีรายได้หลักจากการทำเหมืองทองคำ ไม่น้อยกว่า 50% ของรายได้รวม
2.กองทุนเปิด เอแทรคเกอร์ส ซิลเวอร์ ไมเนอร์ส อิควิตี้ (A-SLVP)
กองทุนนี้มีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ 7 มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองหรือผลิตโลหะเงิน เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund
ลงทุนในกองทุนหลัก iShares MSCI Global Silver and Metals Miners ETF (SLVP) ซึ่งบริหารโดย BlackRock เช่นกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามผลการลงทุนของดัชนี MSCI ACWI Select Silver Miners Investable Market Index (IMI)
โดยกองทุนหลัก SLVP ลงทุนในบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการสำรวจ การทำเหมือง หรือการผลิตโลหะเงิน โดยมีรายได้หลักจากกิจกรรมเหล่านี้ ไม่น้อยกว่า 50% ของรายได้รวม ซึ่งประเทศที่ลงทุนหลักคือ แคนาดา (48.42%) และ สหรัฐอเมริกา (20.40%)
ซึ่งมีรายละเอียดการซื้อขาย ดังนี้
การลงทุนใน 2 กองทุนนี้ นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสเติบโตสูงจากการเข้าถึงหุ้นเหมืองโลหะมีค่าที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นของวัฏจักรเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”
#Investment #Thairath Money #การเงินดีชีวิตดี #กองทุนA-RING #กองทุน A-SLVP #หุ้นเหมือน #ทองคำ #โลหะเงิน #Asset Plus #บลจ แอสเซทพลัส #Content Partnership