
รู้จัก Sanofi บริษัทยานวัตกรรมระดับโลก จากฝรั่งเศส ที่สามารถพลิกวิกฤติ “กำแพงภาษี” เจรจาปิดดีลกับสหรัฐฯ แลกลดราคายา พร้อมเปิด 4 ช่องทางลงทุน คนไทยซื้อหุ้น Sanofi ได้ที่ไหน?
ในยุคที่นโยบาย "America First" ของโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเขย่าโลกธุรกิจอีกครั้ง อุตสาหกรรมยากลายเป็นเป้าหมายใหญ่ที่ถูกเพ่งเล็งเรื่องราคาที่สูงเกินจริง
แต่ท่ามกลางความกังวลดังกล่าว Sanofi บริษัทยาระดับโลกจากฝรั่งเศส กลับเลือกที่จะไม่รอช้าในการเจรจาและบรรลุข้อตกลงโดยสมัครใจในการ "ลดราคายา" แลกกับการ "เว้นกำแพงภาษี"
ดีลนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่เป็นสัญญาณสำคัญที่บอกว่า Sanofi พร้อมจะรักษาส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของตัวเองไว้ให้มั่นคงที่สุด เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร Thairath Money จะพาไปเจาะลึกกัน
Sanofi S.A. คือบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อตั้งมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2537 ซึ่งมีการขับเคลื่อนด้วยการวิจัยและพัฒนา (R&D) และใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนและสร้างการเติบโต
โดยมีความเชียวชาญด้านระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงการคิดค้นยาและวัคซีนที่รักษาและปกป้องผู้คนนับล้านทั่วโลก ซึ่งธุรกิจของ Sanofi ไม่ได้มีแค่ยาเม็ดที่เรากินแก้ปวด แต่มีพอร์ตโฟลิโอที่เน้นนวัตกรรมขั้นสูง แบ่งเป็นกลุ่มหลักๆ ได้แก่
สำหรับผลประกอบการนั้น Sanofi มีรายได้ต่อปีมหาศาล แม้ยาเก่าบางตัวจะชะลอตัว แต่ได้แรงหนุนมหาศาลจากยา Dupixent ที่ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 รายได้สุทธิอยู่ที่ 41,081 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 8.6% จากปีก่อนหน้า และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 5,560 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 2.96% จาก 5,400 ล้านยูโรในปี 2566
ส่วนผลประกอบการปี 2568 และไตรมาส 4/68 คาดว่าจะประกาศในวันที่ 29 มกราคม 2569 อย่างไรก็ดี นับว่าเป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งและจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
มาถึงประเด็นที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อ Sanofi ประกาศข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ (19 ธ.ค. 68) ซึ่งรายละเอียดของดีลนี้แสดงให้เห็นถึงความเก๋าเกมของผู้บริหารที่ยอม "เจ็บแต่จบ" เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดระยะยาวSanofi ตกลงลดราคายาในโครงการ Medicaid ของรัฐบาลสหรัฐฯ ลงเฉลี่ย 61% (กลุ่มยาเบาหวาน, หัวใจ, มะเร็ง) และลดราคาขายตรงให้ประชาชนผ่านแพลตฟอร์ม TrumpRx.gov ลงถึง 70%
และบริษัทจะได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีนำเข้าตามมาตรา 232 เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งสำคัญมากเพราะหากโดนกำแพงภาษีเต็มๆ อาจเสียหายหนักกว่าการลดราคา
นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันเดินหน้าลงทุนในสหรัฐฯ 20,000 ล้านดอลลาร์ จนถึงปี 2573 ทั้งขยายโรงงานและ R&D ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานในสหรัฐฯ กว่า 13,000 คน
ที่น่าสนใจคือ Sanofi ยืนยันว่า "ดีลนี้จะไม่กระทบต่อเป้าหมายการเติบโตหรือมุมมองทางการเงินในอีก 3 ปีข้างหน้า" นั่นแปลว่าบริษัทประเมินแล้วว่า การยอมลดราคาแต่รักษาฐานลูกค้า และไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
พอล ฮัดสัน (Paul Hudson) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Sanofi กล่าวว่า “การทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างสร้างสรรค์ ช่วยให้เราสามารถเดินหน้าตามแผนที่ช่วยลดราคายาให้กับชาวอเมริกันในปัจจุบัน พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้กับบทบาทสำคัญของสหรัฐฯ ในการผลักดันนวัตกรรมทางการแพทย์แห่งอนาคต”
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของการลงทุนถือว่าเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยปลดล็อกความกังวลให้กับนักลงทุนได้อย่างชัดเจน ซึ่ง ฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า Sanofi ยืนยันว่าข้อตกลงนี้จะไม่กระทบต่อกลยุทธ์การเติบโตหรือมุมมองทางการเงินในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขเฉพาะ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง 4 ประการในจดหมายลงวันที่ 31 ก.ค.2025 จากประธานาธิบดีทรัมป์
ขณะที่ข้อมูลจาก Bloomberg Consensus มีนักวิเคราะห์ถึง 21 ราย จาก 28 ราย ที่แนะนำให้ "ซื้อ" หุ้นของ Sanofi โดยมีการประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ยไว้ที่ 103.51 ยูโร ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันแล้ว ถือว่าหุ้น Sanofi ยังมีส่วนต่างราคา หรือ Upside ให้ลุ้นทำกำไรได้อีกราว 26% เลยทีเดียว
สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจบริษัทยาพื้นฐานแกร่ง ปันผลสม่ำเสมอ และผ่านมรสุมสงครามการค้ามาได้แล้ว สามารถลงทุนได้หลายช่องทาง เช่น การลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยตรง โดยสามารถเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศกับโบรกเกอร์ไทย เพื่อซื้อขายหุ้นโดยตรงใน 2 ตลาดหุ้นหลัก ได้แก่
และยังสามารถลงทุนผ่านกองทุนรวม ในกลุ่ม Global Healthcare ของ บลจ. ในไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะมี Sanofi เป็นหนึ่งในหุ้นพอร์ตหลักอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนควรตรวจสอบ Fund Fact Sheet ก่อนลงทุน
นอกจากนี้ ปัจจุบันตลาดไทยมี DR ของหุ้นระดับโลกหลายตัว ซึ่งธนาคารกรุงไทย ได้นำ Sanofi เข้ามาทำเป็น DR แล้ว ในชื่อย่อ SANOFI80 ซึ่งสามารถซื้อขายได้ด้วยสกุลเงินบาท ผ่านตลาดหุ้นไทย
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้