
GULF รายงานกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 7,274 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2568 เพิ่มขึ้น 5.7% จากปีก่อน
บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 7,274 ล้านบาท แม้ตัวเลขนี้จะยังคงเติบโต 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบกับไตรมาส 2/2568 ที่ผ่านมา จะพบว่ากำไรสุทธิปรับตัวลดลงถึง 88.6%
ประเด็นที่น่าสนใจคือ การลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนนั้น ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานปกติ แต่มีสาเหตุหลักมาจากการที่ในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มีการบันทึก "กำไรพิเศษจากการรวมธุรกิจ"
ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวสูงถึง 56,120 ล้านบาท ดังนั้น หากพิจารณาเฉพาะ "กำไรจากการดำเนินงาน" ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินธุรกิจที่แท้จริง จะพบว่าอยู่ที่ 7,280 ล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 32.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อน
การเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานนี้ มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากบริษัทร่วมลงทุน เช่น ADVANC, GJP และ Jackson
และที่สำคัญ ในไตรมาสนี้ยังมีการรับรู้ "เงินปันผลรับ" จากการลงทุนใน KBANK เข้ามาช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานอีกทางหนึ่งด้วย
บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GULF รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 ว่า กําไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ เท่ากับ 7,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เติบโตตามทิศทางเดียวกับกําไรจากการดําเนินงาน (core profit) แม้ไตรมาส 3/2568 จะมีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบบริษัทใหญ่และขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจาก ตราสารอนุพันธ์สุทธิเป็นขาดทุน 5 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/2567 ที่มีกําไรจากรายการดังกล่าวรวม 1,380 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กําไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ลดลง 88.6% จากไตรมาส 2/2568 เนื่องจากในไตรมาสก่อน บริษัทฯ มีกําไรจากการรวมธุรกิจ จํานวน 56,120 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว และมีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบบริษัทใหญ่และกําไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากตราสารอนุพันธ์รวม 651 ล้านบาท
สำหรับกําไรจากการดําเนินงาน (core profit) ในไตรมาส 3/2568 เท่ากับ 7,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3% จากปีก่อน โดยหลักมาจากการเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ
ประกอบกับรับรู้ส่วนแบ่งกําไรที่เพิ่มขึ้นจาก ADVANC, GJP, HKP และ Jackson รวมถึงมีเงินปันผลรับจาก KBANK
ทั้งนี้ core profit เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อน โดยหลักจากโรงไฟฟ้า GSRC ที่หยุดซ่อมบํารุงตามแผนงานเป็น ระยะเวลาน้อยลง และส่วนแบ่งกําไรที่เพิ่มขึ้นจาก ADVANC, GGC, GJP และ Jackson ซึ่งชดเชยเงินปันผลที่ลดลงจาก KBANK ได้ทั้งหมด
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้