ต่างชาติขนเงินซื้อหุ้นไทยฉ่ำ! ดัน SET Index บวกทะลุ 150 จุด ส่อง 3 ปัจจัยลุ้น Fund Flow ไหลเข้าต่อ
Date Time: 30 ก.ค. 2568 12:17 น.
“Summary“
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดว่าในเดือนสิงหาคมนี้ มีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลเข้าต่อจาก 3 ปัจจัยสำคัญ พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นรับอานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า
ตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณกลับมาคึกคัก ดัชนี SET Index พุ่งทะยานขึ้นมากว่า 151.26 จุด หรือ +13.97% อยู่ที่ 1,233.68 จุด สร้างความหวังให้นักลงทุนอีกครั้ง
การปรับตัวขึ้นร้อนแรงนี้ มาจากแรงซื้อสุทธิมหาศาลของนักลงทุนต่างชาติที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในตลาดกว่า 15,964.47 ล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่ขายสุทธิออกไปถึง 18,577.36 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดว่าในเดือนสิงหาคมนี้ มีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลเข้าต่อจาก 3 ปัจจัยสำคัญ พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นรับอานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า ดังนี้
ปัจจัยลบคลี่คลาย-เก็งกำไรงบไตรมาส 2
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า บรรยากาศการลงทุนในปัจจุบัน ได้รับแรงหนุนจากการที่ปัจจัยถ่วงหลายอย่างเริ่มคลี่คลายลง โดยเฉพาะการเจรจาการค้ากับหลายประเทศที่ได้ข้อสรุปไปในทิศทางที่ดี ประกอบกับ Fund Flow ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในสหรัฐฯ และไทยที่กำลังจะประกาศออกมา ก็เป็นอีกแรงส่งสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร ทั้งในแง่ของผลการดำเนินงานและเงินปันผลงวดครึ่งปีแรก โดยมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,250 จุดได้
สำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตา แต่ตลาดดูเหมือนจะลดความกังวลลงไปชั่วคราว หลังมีการเจรจาหยุดยิง ทำให้นักลงทุนหันไปให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังการลงทุนในหุ้นที่พึ่งพารายได้จากกัมพูชาหรือจังหวัดชายแดน เช่น กลุ่มโรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว เป็นต้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำว่า เน้นการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวไปก่อน อาทิ เก็งงบ เก็งเงินปันผล หรือหุ้นที่ได้อานิสงค์จาก Flow ไหลกลับเข้าตลาด อาทิ BDMS, BH และหุ้นกลุ่มธนาคาร เป็นต้น
เปิด 3 ปัจจัยหนุน Fund Flow ลุ้นไหลเข้าต่อ ส.ค.
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ได้ฉายภาพปัจจัยสนับสนุนที่อาจดึงดูดให้ Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม โดยมี 3 ปัจจัยสำคัญ ดังนี้
1.ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเอเชียแข็งแกร่งขึ้น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP โลก โดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย รวมถึงประเทศไทยที่ถูกปรับ GDP ขึ้นจาก 1.8% เป็น 2.0%นอกจากนี้ แม้เงินบาทจะอ่อนค่า แต่เป็นการอ่อนค่าที่น้อยกว่าการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนว่าเม็ดเงินยังคงวนเวียนอยู่ในภูมิภาคและประเทศไทย และอาจไหลเข้าเพิ่มเติมเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีกว่า
2.Momentum การลงทุนเอนเอียงไปทางหุ้น Value
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า กลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีคือกลุ่มพลังงาน (+6%) โรงพยาบาล (+2.2%) และอุตสาหกรรม (+1.9%) ซึ่งเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากโครงสร้างตลาดของเรามีสัดส่วนหุ้นกลุ่มคุณค่า (Value Stock) และหุ้นที่อิงกับราคาโภคภัณฑ์ (Commodity) อยู่ถึง 1 ใน 3 ของตลาด
3.ลุ้นปรับเพิ่มน้ำหนักในดัชนี MSCI และ FTSE
ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในเดือนสิงหาคม คือการทบทวนดัชนีของ MSCI (ประกาศ 12 ส.ค.) และ FTSE (ประกาศ 22 ส.ค.) ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่หุ้นไทยจะถูกปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน หลังจากในเดือนที่ผ่านมา SET Index ให้ผลตอบแทนสูงถึง +13.3% ซึ่งโดดเด่นกว่าดัชนีหุ้นโลก (MSCI ACWI) ที่บวกเพียง +1.9% เท่านั้น หากมีการปรับเพิ่มน้ำหนักจริง จะส่งผลให้กองทุนที่อิงดัชนีเหล่านี้ต้องเพิ่มสัดส่วนการซื้อหุ้นไทยโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ บล.เอเซีย พลัส ยังแนะนำ 10 หุ้นที่ต่างชาติซื้อเยอะสุดในรอบ 15 วัน ซึ่งต่างชาติซื้อสะสม 1.9 หมื่นล้านบาท ได้แก่ AOT (ซื้อสุทธิ 6.01 พันล้านบาท), CPALL (ซื้อสุทธิ 3.69 พันล้านบาท), KTC (ซื้อสุทธิ 2.20 พันล้านบาท), KBANK (ซื้อสุทธิ 2.05 พันล้านบาท), SCC (ซื้อสุทธิ 1.86 พันล้านบาท), BBL (ซื้อสุทธิ 1.55 พันล้านบาท), CPN (ซื้อสุทธิ 1.06 พันล้านบาท), ADVANC (ซื้อสุทธิ 897 ล้านบาท), TOP (ซื้อสุทธิ 866 ล้านบาท) และ CPF (ซื้อสุทธิ 826 ล้านบาท)
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
Author
