ไทย-กัมพูชา ประกาศหยุดยิง จับตาโต๊ะเจรจา “ภาษีทรัมป์” หุ้นไทยไปทางไหนต่อ?

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไทย-กัมพูชา ประกาศหยุดยิง จับตาโต๊ะเจรจา “ภาษีทรัมป์” หุ้นไทยไปทางไหนต่อ?

Date Time: 29 ก.ค. 2568 11:15 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

ตลาดหุ้นไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทาย แม้ชายแดนไทย-กัมพูชา จะคลี่คลาย แต่ยังต้องติดตามการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ขณะที่ DELTA รายงานกำไรออกมาต่ำกว่าคาด อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ฉุดภาพรวมของดัชนี

Latest


ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ต้องพบกับปัจจัยกดดันรอบด้าน แม้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จะเริ่มคลี่คลายลง หลังทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงหยุดยิงตอบโต้กัน แต่ความแน่นอนยังไม่เกิดขึ้น เมื่อต้องกลับมาพิจารณาการเจรจาต่อรองทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา ที่ใกล้ถึงเส้นตายเข้ามาทุกที

อย่างไรก็ตาม การหยุดยิงครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ยังเป็นการปลดล็อกเงื่อนไขสำคัญที่สหรัฐฯ ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ที่ว่าจะ “ไม่เจรจาการค้า” หากสถานการณ์ยังไม่สงบ ทำให้ประตูสู่การหารือเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ เปิดขึ้นอีกครั้ง

ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่ยังคงต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด นักลงทุนยังติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/68 ที่กำลังทยอยประกาศออกมาด้วย

โดยเฉพาะเมื่อพี่ใหญ่อย่าง DELTA รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 ออกมาต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ อาจเป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีได้ เนื่องจากมี Market Cap สูง และมีผลกับ SET Index ถึง 11.8%


จากแนวรบชายแดน สู่โต๊ะเจรจา “ภาษีทรัมป์”

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้รับข่าวดีที่ช่วยให้ผ่อนคลายความกังวลลงได้เปราะหนึ่ง เมื่อสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้คลี่คลายลงอย่างมีนัยสำคัญ

หลังจากการเจรจาที่ประเทศมาเลเซียประสบผลสำเร็จ นำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงตอบโต้กันซึ่งมีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา

การหยุดยิงครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในระยะสั้น แต่ยังเป็นการปลดล็อกเงื่อนไขสำคัญที่สหรัฐฯ ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะ “ไม่เจรจาการค้า” หากสถานการณ์ยังไม่สงบ ทำให้ประตูสู่การหารือเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ เปิดขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงเตือนให้นักลงทุนเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต หากการปะทะกลับมาอีกครั้ง จะกระทบต่อเสถียรภาพของประเทศ และอาจส่งผลลบต่อหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่ชายแดนและประเทศกัมพูชาได้

อาทิ หุ้นโรงพยาบาล หุ้นนิคมอุตสาหกรรม และ หุ้นธุรกิจผลิตน้ำมัน (PTTEP) ที่อาจเสียโอกาสในการผลิตน้ำมันในเขตทับซ้อน

ทั้งนี้ ผลการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ จะได้เห็นเงื่อนไขและตัว Tariffs ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนเส้นตายบังคับใช้ 1 สิงหาคม โดยทีมไทยแลนด์เข้าหารือกับ USTR อีกครั้งเมื่อคืนศุกร์ที่ผ่านมา ถ้าผลการเจรจาออกมาดูดี คาดไทยจะได้ข้อตกลงอัตราภาษีที่พอๆ กับฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ที่ 19-20%

นอกจากนี้ แนะนำให้นักลงทุนติดตามความคืบหน้าคดีการบังคับใช้ภาษีนำเข้าทั่วโลกของทรัมป์ จะมีความผิดหรือไม่ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เตรียมนัดไต่สวนคดี 31 กรกฎาคมนี้

โดยคาดศาลฯ จะมีคำตัดสินช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป การบังคับใช้ภาษี 1 สิงหาคมนี้จะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าคำตัดสินของศาลฯ จะออกมาว่ามีความผิด จึงจะมีการยกเลิกภาษีดังกล่าวได้

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองว่าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทย ความคืบหน้าล่าสุด มีความเกี่ยวโยงไปถึงสถานการณ์สู้รบระหว่างไทย - กัมพูชา โดยสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจากับทั้ง 2 ประเทศ หากไม่หยุดยิง ทำให้ระยะสั้นตลาดอาจจะให้น้ำหนักทางลบต่อความเสี่ยงการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราที่จะถูกเรียกเก็บที่ 36% ไม่ทันก่อน 1 สิงหาคม ที่ระดับภาษีจะเริ่มมีผล 

อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปที่ไทย-กัมพูชาตกลงร่วมกัน ในการประชุมที่ประเทศมาเลเซียทำให้ เราคาดการเจรจาสหรัฐฯ-ไทย น่าจะเดินหน้าไปตามขั้นตอนเดิม โดยหลังจากสหรัฐฯ ทยอยตกลงกับหลายประเทศหลักๆ ที่เกินดุลสหรัฐฯได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ข้อมูลผ่าน X ว่าจะพิจารณาภาษีที่ดีที่สุดให้กับไทย ทำให้เริ่มมีโอกาสเห็น Upside มากขึ้นต่อกรณี Base Case ที่เราวาง ไทยจะได้ภาษีการค้าระดับ 25% และ Effective Tariff Rate จะอยู่ระดับที่แข่งขันกับชาติคู่แข่งในอาเซียนได้


ความเสี่ยงภายใน จากพี่ใหญ่ DELTA

ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่ยังต้องลุ้นระทึก ตลาดหุ้นไทยกลับต้องเผชิญกับแรงกดดันสำคัญจากภายใน เมื่อหุ้นที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) สูงสุดเป็นอันดับต้นๆ อย่าง DELTA ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนหลายคนอาจผิดหวัง

โดยมีกำไรสุทธิ 4.7 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 12% โดยมีสาเหตุหลักจากผลกระทบของเงินบาทที่แข็งค่า และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูงขึ้น 

ด้วยน้ำหนักที่มีต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index สูงถึง 11.8% การสะดุดของพี่ใหญ่ DELTA จึงมีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดัน และฉุดรั้งภาพรวมของตลาดในระยะสั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) จึงได้แนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น DELTA ชั่วคราว และมองหาโอกาสในการโยกย้ายเม็ดเงินไปยังหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแทน

เช่น กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP), กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) และกลุ่มธนาคาร (SCB, KTB) ซึ่งอาจกลายเป็นเป้าหมายของเงินทุนที่ไหลออกจาก DELTA ได้


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ