
กลายเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่น่าจับตา เมื่อเบอร์ใหญ่แห่งตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่าง บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ เจ้าของ "มาม่า" จับมือกับนักธุรกิจแถวหน้าของไทย “ชานนท์” ซีอีโอจาก “อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” และ “คมสันต์ แซ่ลี” ผู้ก่อตั้งยูนิคอร์นอย่าง “Flash Express”
ประกาศทุ่มเงินกว่า 142 ล้านบาท ในนาม “ไทยเพรซิเดนท์เบเวอร์เรจ” เข้าลงทุน บริษัท ชาจี (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ CHAGEE แบรนด์ชาระดับพรีเมียมจากจีนอย่าง ในสัดส่วน 51%
บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TFMAMA คือผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ "มาม่า" ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% ในประเทศไทย และส่งออกไปทั่วโลก
แต่ในพอร์ตธุรกิจของ TFMAMA ไม่ได้มีเพียงบะหมี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์เบเกอรี่, ขนมปังกรอบ, น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มอื่นๆ การขยายสู่ธุรกิจใหม่ๆ จึงเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทดำเนินการมาโดยตลอด
ก่อนหน้าการลงทุนในชาจี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการของ TFMAMA ได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในชื่อ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์เบเวอร์เรจ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 145 ล้านบาท เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุนในธุรกิจอื่นและรับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล
โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์เบเวอร์เรจ จำกัด แห่งนี้กลายเป็นที่จับตาอย่างมาก ประกอบด้วยผู้ถือหุ้น 3 ราย ได้แก่
การรวมตัวครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่เป็นการผนึกกำลังของ 3 ขั้วอำนาจทางธุรกิจ จากหุ้นใหญ่อย่าง TFMAMA โดยการนำของ "พันธ์ พะเนียงเวทย์" เจ้าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมีฐานการผลิตและเครือข่ายจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ
เสริมทัพด้วย “ชานนท์” ซีอีโอจาก “อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” ผู้เชี่ยวชาญด้านทำเลที่ตั้งและเข้าใจไลฟ์สไตล์คนเมือง และ “คมสันต์ แซ่ลี” ผู้ก่อตั้งยูนิคอร์นอย่าง “Flash Express” ที่จะมาร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต
เพียงไม่นานหลังตั้งบริษัทย่อย เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 TFMAMA ก็ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัท ไทยเพรซิเดนท์เบเวอร์เรจ จำกัด ได้เข้าลงทุนใน บริษัท ชาจี (ไทยแลนด์) จำกัด โดยสรุปรายละเอียดการลงทุนได้ดังนี้
รวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 142,417,500 บาท ส่งผลให้ไทยเพรซิเดนท์เบเวอร์เรจ ถือหุ้นใน ชาจี (ไทยแลนด์) ทั้งหมด 51% ส่วนที่เหลืออีก 49% ถือหุ้นโดย บจก. ชา เอ็กซ์พลอเรอร์
CHAGEE เป็นแบรนด์ชาพรีเมียมที่ก่อตั้งขึ้น ณ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ในปี 2560 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีสาขาทั่วโลกมากกว่า 6,000 แห่ง สำหรับในประเทศไทย CHAGEE เริ่มเปิดสาขาแรกในเดือนธันวาคม 2565 และสร้างกระแสในหมู่ผู้บริโภคได้พอสมควร ก่อนที่จะประกาศปิดปรับปรุงทุกสาขาในไทยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เพื่อรีแบรนด์และปรับโครงสร้าง
การเข้าลงทุนของกลุ่ม TFMAMA จึงเปรียบเสมือนสัญญาณการกลับมาบุกตลาดไทยอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง และเป็นการกลับมาที่แข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยทุนและคอนเนคชันจาก 3 กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่
บริษัท ชาจี (ไทยแลนด์) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ข้อมูลจาก CorpusX ระบุผลประกอบการปี 2567 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567 (งบไม่เต็มปี) พบว่ามีรายได้รวม 24,296.10 บาท และมีผลขาดทุนสุทธิ -1,265,609.64 บาท
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนผลการดำเนินงานในช่วงเริ่มต้นเพียงไม่กี่เดือนของบริษัท ซึ่งการลงทุนในช่วงตั้งไข่และยังขาดทุนถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจที่ต้องการการเติบโตในอนาคต
ซึ่ง TFMAMA แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุวัตถุประสงค์ของการลงทุนครั้งนี้ไว้อย่างเรียบง่ายว่า "ก่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว" แม้จะไม่ได้ลงรายละเอียด แต่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า นี่คือการเดินเกมเพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร (F&B) ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
โดยอาศัยความแข็งแกร่งด้านแบรนด์ของชาจี ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและการตลาดของ "มาม่า" รวมถึงเครือข่ายและวิสัยทัศน์ของ "คมสันต์" และ "ชานนท์"
การยอมทุ่มเงินกว่า 142 ล้านบาท ในบริษัทที่ยังมีผลประกอบการขาดทุน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์ CHAGEE และโอกาสการเติบโตในตลาดเครื่องดื่มพรีเมียมของไทย
การผนึกกำลังของ 3 บิ๊กเนม ในนาม “ไทยเพรซิเดนท์เบเวอร์เรจ” ในครั้งนี้ จะสามารถพลิกฟื้นและผลักดันให้ CHAGEE กลับมาผงาดในตลาดไทยได้สำเร็จหรือไม่ คงต้องติดตามดูกันต่อไปอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้