
การก้าวเข้าสู่โลกแห่งการลงทุนครั้งแรก อาจดูเหมือนการเดินเข้าไปในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะทาง แต่จะดีแค่ไหน หากเราสามารถเริ่มต้นทำความเข้าใจจากแนวคิดพื้นฐานที่สุด
Thairath Money พาสำรวจ 2 ทางเลือกการลงทุน ระหว่าง “ตราสารหนี้” ที่ให้คุณสวมบทบาทเป็น "เจ้าหนี้" รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ และ “ตราสารทุน” ที่ให้คุณรับบท "เจ้าของกิจการร่วม" ที่พร้อมจะเติบโตและเสี่ยงไปพร้อมกับกิจการเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ตราสารหนี้ คือตราสารที่แสดงว่าผู้ลงทุนอยู่ในสถานะ "เจ้าหนี้" และผู้ออกตราสารเป็น "ลูกหนี้" รับผลตอบแทนเป็น "ดอกเบี้ย" ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ และจะได้รับ "เงินต้น" คืน เมื่อครบกำหนดอายุของตราสาร
ตราสารหนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามผู้ออก คือ
โดยมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การซื้อผ่าน "กองทุนรวมตราสารหนี้" เหมาะกับมือใหม่ ไม่ต้องใช้เงินเยอะ และมีผู้เชี่ยวชาญดูแล โดยสามารถลงทุนได้ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือแอปฯ ธนาคาร / แอปฯ ลงทุน
แต่หากใครที่มีความรู้ และต้องการเลือกรุ่นหรือบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ด้วยตัวเอง สามารถซื้อ "พันธบัตรหรือหุ้นกู้" ในตลาดแรกตอนเสนอขาย หรือในตลาดรอง ผ่านธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ได้
ตราสารทุน คือตราสารที่แสดงว่าคุณอยู่ในสถานะ 'เจ้าของกิจการ (ร่วม)' จากการซื้อหุ้น ซึ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเป็น “ส่วนแบ่งกำไร” ในรูปแบบเงินปันผล และโอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นที่สูงขึ้น
ตัวอย่างของตราสารทุน ได้แก่ ได้แก่ หุ้นสามัญ, หุ้นบุริมสิทธิ, ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น (Warrant), และกองทุนรวมตราสารทุน
ซึ่งมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารทุน วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การซื้อผ่านกองทุนรวมหุ้น หรือ ETF เหมาะกับมือใหม่ ต้องการกระจายความเสี่ยง และไม่ต้องเลือกหุ้นเอง ซึ่งสามารถลงทุนผ่าน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือแอปฯ ธนาคาร หรือแอปฯ ลงทุนสำหรับ ETF
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่ศึกษาข้อมูลมาดี และรับความเสี่ยงได้สูง สามารถเปิดพอร์ตหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) โดยตรง แล้วเลือกหุ้นรายตัว ซื้อขายผ่านแอปฯ Streaming หรือแอปฯ ของโบรกเกอร์นั้นๆ ได้เช่นกัน
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้