
ปฏิเสธไม่ได้ว่า "วันหยุดพิเศษ" เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ตั้งแต่วันสำคัญทางศาสนา วันหยุดราชการ ยันวันหยุดเฉพาะกิจ หรือวันหยุดชดเชย โดยบางปี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีวันหยุดมากกว่าตลาดหลักในประเทศอื่นๆ ด้วย
ทำให้เมื่อตลาดหุ้นไทยหยุด แต่ตลาดหุ้นต่างประเทศยังเปิด ก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะผันผวนจากข่าวใหญ่ หรือเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจ, มาตรการภาษีสหรัฐฯ หรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังมีความไม่แน่นอนรายวัน ซึ่งเมื่อไทยเปิดตลาดอีกครั้ง นักลงทุนอาจต้องรับแรงเหวี่ยงทั้งหมดในคราวเดียว
Thairath Money พาส่องแนวทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ ถึง 5 แนวทางในการเตรียมตัวและรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อช่วยบริหารจัดการความเสี่ยง และสร้างโอกาสในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ
1.การกระจายการลงทุนในพอร์ตให้หลากหลาย
การกระจายความเสี่ยงที่ดี นับเป็นหัวใจสำคัญ โดยพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ ช่วยลดความเสี่ยงและช่วยให้พอร์ตโดยรวมไม่ได้รับผลกระทบหนักจนเกินไป หากตลาดใดตลาดหนึ่ง หรือสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเผชิญกับปัจจัยลบ
การลงทุนในตลาดต่างประเทศ ช่วยกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ และเปิดโอกาสการลงทุนระหว่างที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ
การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Assets): เช่น ทองคำ หรือพันธบัตรรัฐบาล อาจช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง
2.เน้นลงทุนตามปัจจัยพื้นฐาน
การมองภาพรวมและให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐาน ของกิจการหรือสินทรัพย์ที่ลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ แนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของบริษัทที่ดี มักจะแข็งแกร่งกว่าความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นในระยะสั้น
ดังนั้น ความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้นทันทีหลังวันหยุดยาว อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ในระยะยาวเสมอไป หากปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ที่ถือครองยังคงแข็งแกร่ง การถือลงทุนต่อไปตามแผนเดิม ก็ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
3.บริหารความเสี่ยง ลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงหากกังวล
สำหรับนักลงทุนที่อาจรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก หรือคาดการณ์ว่าตลาดอาจมีความผันผวนสูงเป็นพิเศษในช่วงเปิดทำการหลังวันหยุดยาว การปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา
4.ศึกษาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยในการบริหารความเสี่ยง
โลกการลงทุนมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย ซึ่งบางประเภทสามารถใช้เพื่อบริหารความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวมได้ แม้ตลาดหุ้นไทยจะปิดทำการ อย่าง Options, Inverse ETF, หรือ Hedging ด้วยตราสารต่างประเทศ
ตัวอย่างเช่น นักลงทุนสามารถซื้อ Put Options (สิทธิในการขาย) บนดัชนีใหญ่ ๆ ของสหรัฐฯ เช่น S&P500 หากคาดว่าดัชนีจะปรับตัวลดลงในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิด และถ้าดัชนีดังกล่าวปรับตัวลงอย่างรุนแรง นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจาก Options มาชดเชยการขาดทุน ที่อาจเกิดขึ้นกับหุ้นไทยเมื่อเปิดตลาด
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจระดับกลางถึงสูง ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้าแต่ละประเภทให้ดีก่อนลงทุน
5.ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
แม้ตลาดหุ้นไทยจะปิด แต่การติดตามข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจ การเมือง และสถานการณ์สำคัญต่างๆ ทั่วโลกยังคงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะข่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมหรือหุ้นที่เราถือครองอยู่ เพื่อให้พร้อมปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงทีเมื่อตลาดเปิด
การหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนต้องหยุดนิ่ง การเตรียมตัวที่ดี จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนและสร้างโอกาสให้พอร์ตการลงทุนเติบโตได้อย่างยั่งยืน
และอย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้