หุ้น 6 กลุ่ม รับอานิสงส์ โยก “แจกเงินหมื่น” สู่ “ลงทุนภาครัฐ” บล.กรุงศรี ชี้ ช่วยเศรษฐกิจโตกว่า

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ้น 6 กลุ่ม รับอานิสงส์ โยก “แจกเงินหมื่น” สู่ “ลงทุนภาครัฐ” บล.กรุงศรี ชี้ ช่วยเศรษฐกิจโตกว่า

Date Time: 21 พ.ค. 2568 11:16 น.

Video

GoPro หายไปไหน? แบรนด์กล้องสุดล้ำ จากสูงสุดสู่สามัญในพริบตาเดียว | Digital Frontiers EP.35

Summary

  • รัฐบาลชะลอ "เงินหมื่นดิจิทัล" สู่การลงทุนภาครัฐ โบรกฯ คาดส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจมากกว่าเดิม หุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 1,200 จุด พร้อมเปิด 6 กลุ่มหุ้นเด่น ได้รับอานิสงส์

Latest


ประเด็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ "เงินหมื่นดิจิทัล" ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยตรง ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ยังเผชิญความท้าทาย

ล่าสุด ดูเหมือนว่าภาพของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อรัฐบาลตัดสินใจชะลอและปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เม็ดเงิน จากโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ส่วนหนึ่ง มาเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาประเทศระยะยาว

ซึ่งนักวิเคราะห์ฯ มองว่า จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้ดีกว่าการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้น และตลาดหุ้นไทยจะตอบรับในเชิงบวก พร้อมเปิดลิสต์หุ้น 6 กลุ่ม ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินการลงทุนดังกล่าว

โยกงบแจกเงินดิจิทัล สู่การลงทุน ดัน GDP โตเพิ่ม

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 มีมติสำคัญในการปรับเปลี่ยนทิศทางการใช้จ่ายงบประมาณ โดยมีมติโอนงบ "ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท" มูลค่า 157,000 ล้านบาท ไปสู่การลงทุนภาครัฐใน 4 ด้านหลัก ได้แก่

  • โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและคมนาคม
  • การท่องเที่ยว
  • การลดผลกระทบภาคส่งออก และเพิ่มผลิตภาพการผลิต
  • เศรษฐกิจชุมชนและการศึกษา

นักวิเคราะห์ฯ ประเมินว่าการ "Reallocation of Stimulus Capital" หรือการจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่นี้ เป็นปัจจัยบวก เนื่องจากช่วยลดแรงกดดันการขาดดุลเชิงโครงสร้าง ที่อาจเกิดจากการบริโภคเทียมจากเงินแจก และเปลี่ยนไปสู่การลงทุนที่สร้างสินทรัพย์ที่มีผลิตภาพ (Productive Asset) และก่อให้เกิดผลทวีคูณทางเศรษฐกิจ (Multiplier Effect) ที่สูงกว่า

โดยเม็ดเงินลงทุน 157,000 ล้านบาท (คิดเป็นประมาณ 0.8% ของ GDP) คาดว่าจะส่งผลบวกต่อ GDP ราว 0.5% ถึง 0.7% ซึ่งมากกว่าผลกระทบจากการแจกเงินที่ประเมินไว้ที่ 0.3% ถึง 0.5% ต่อ GDP ขณะที่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน, การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต คาดว่าจะสร้าง Multiplier Effect ได้ถึง 1.3-1.6 เท่า

นอกจากนี้ คาดว่าจะเป็นแรงส่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงด้านต่ำ (Downside Risk) ของ GDP ปี 2568 ของไทย ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่วางกรอบไว้ที่ 1.3% ถึง 1.8% (หลังผลกระทบจาก Reciprocal Tariff 36%) โดยประเมินว่ามีโอกาสสูงถึง 65% ที่ GDP ไทยจะเติบโตได้สูงกว่ากรอบดังกล่าว

ตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวก เปิดหุ้น 6 กลุ่มรับอานิสงส์

บล.กรุงศรี มองว่า ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นจะเป็นไปในเชิงบวก โดยคาดว่าตลาดอาจตอบรับด้วย "Relief Rally" หรือการปรับตัวขึ้นหลังความไม่แน่นอนเรื่อง Digital Wallet คลี่คลายลง มีโอกาสที่ SET Index จะปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,200 จุดได้ภายใน 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องติดตาม รายละเอียดโครงการต่างๆ ที่จะประกาศภายในเดือนมิถุนายน 2568 นี้อย่างใกล้ชิด

ภายใต้การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว บล.กรุงศรี ได้ให้กลยุทธ์การลงทุนโดยเน้นธีม "ลงทุนผ่านรัฐ + เมืองรอง + Digital Infra + Soft Power Tourism" พร้อมชี้เป้า 6 กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์โดยตรง ดังนี้

  1. หุ้นกลุ่มธนาคาร (สินเชื่อ SME + ภาครัฐฯ) ได้แก่ KBANK, KTC
  2. หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ SCC, TASCO
  3. หุ้นกลุ่มรับเหมาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ CK, STECON
  4. หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ ERW, CENTEL, AOT
  5. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Digital Infrastructure ได้แก่ ADVANC, GULF, INSET
  6. หุ้นกลุ่มสินเชื่อชุมชน และ SME ได้แก่ MTC

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment 
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ