ประเด็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ "เงินหมื่นดิจิทัล" ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยตรง ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ยังเผชิญความท้าทาย
ล่าสุด ดูเหมือนว่าภาพของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อรัฐบาลตัดสินใจชะลอและปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เม็ดเงิน จากโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ส่วนหนึ่ง มาเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาประเทศระยะยาว
ซึ่งนักวิเคราะห์ฯ มองว่า จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้ดีกว่าการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้น และตลาดหุ้นไทยจะตอบรับในเชิงบวก พร้อมเปิดลิสต์หุ้น 6 กลุ่ม ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินการลงทุนดังกล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 มีมติสำคัญในการปรับเปลี่ยนทิศทางการใช้จ่ายงบประมาณ โดยมีมติโอนงบ "ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท" มูลค่า 157,000 ล้านบาท ไปสู่การลงทุนภาครัฐใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
นักวิเคราะห์ฯ ประเมินว่าการ "Reallocation of Stimulus Capital" หรือการจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่นี้ เป็นปัจจัยบวก เนื่องจากช่วยลดแรงกดดันการขาดดุลเชิงโครงสร้าง ที่อาจเกิดจากการบริโภคเทียมจากเงินแจก และเปลี่ยนไปสู่การลงทุนที่สร้างสินทรัพย์ที่มีผลิตภาพ (Productive Asset) และก่อให้เกิดผลทวีคูณทางเศรษฐกิจ (Multiplier Effect) ที่สูงกว่า
โดยเม็ดเงินลงทุน 157,000 ล้านบาท (คิดเป็นประมาณ 0.8% ของ GDP) คาดว่าจะส่งผลบวกต่อ GDP ราว 0.5% ถึง 0.7% ซึ่งมากกว่าผลกระทบจากการแจกเงินที่ประเมินไว้ที่ 0.3% ถึง 0.5% ต่อ GDP ขณะที่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน, การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต คาดว่าจะสร้าง Multiplier Effect ได้ถึง 1.3-1.6 เท่า
นอกจากนี้ คาดว่าจะเป็นแรงส่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงด้านต่ำ (Downside Risk) ของ GDP ปี 2568 ของไทย ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่วางกรอบไว้ที่ 1.3% ถึง 1.8% (หลังผลกระทบจาก Reciprocal Tariff 36%) โดยประเมินว่ามีโอกาสสูงถึง 65% ที่ GDP ไทยจะเติบโตได้สูงกว่ากรอบดังกล่าว
บล.กรุงศรี มองว่า ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นจะเป็นไปในเชิงบวก โดยคาดว่าตลาดอาจตอบรับด้วย "Relief Rally" หรือการปรับตัวขึ้นหลังความไม่แน่นอนเรื่อง Digital Wallet คลี่คลายลง มีโอกาสที่ SET Index จะปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,200 จุดได้ภายใน 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องติดตาม รายละเอียดโครงการต่างๆ ที่จะประกาศภายในเดือนมิถุนายน 2568 นี้อย่างใกล้ชิด
ภายใต้การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว บล.กรุงศรี ได้ให้กลยุทธ์การลงทุนโดยเน้นธีม "ลงทุนผ่านรัฐ + เมืองรอง + Digital Infra + Soft Power Tourism" พร้อมชี้เป้า 6 กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์โดยตรง ดังนี้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney