ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านขวัญใจนักลงทุน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น HMPRO ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1,707.38 ล้านบาท ลดลง 0.32% แม้ตัวเลขจะยังสูงระดับพันล้าน แต่การชะลอตัวลงก็ทำเอานักลงทุนตกใจเล็กน้อย สะท้อนจากราคาหุ้น HMPRO เช้านี้ เปิดตลาด ณ เวลา 10.00 น. อยู่ที่ 8.25 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ -0.60%
อย่างไรก็ตาม HMPRO ชี้แจงว่าไตรมาสแรกปีนี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังโตต่ำกว่าคาด กำลังซื้อประชาชนที่ยังไม่คึกคักเต็มที่ ส่งผลกระทบต่อยอดขายเมื่อเทียบกับปีก่อน ซ้ำเติมด้วยสภาพอากาศที่ปีนี้เข้าหน้าร้อนช้ากว่าปกติ แถมมีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้ลูกค้าเดินทางมาสาขาไม่สะดวก และสินค้าทำเงินอย่างเครื่องปรับอากาศ-พัดลม ขายได้น้อยลง
แม้ผลงานไตรมาสแรกจะชะลอไปบ้าง แต่มุมมองจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์กลับยังไม่หมดหวัง โดยมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันน่าสนใจ และเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะกลับมาดูดีขึ้น โดยเฉพาะแรงหนุนจากความต้องการซ่อมแซมคอนโดและอาคารสูงที่คาดว่าจะเริ่มเข้ามาในไตรมาส 3/68
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น HMPRO รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีกำไรสำหรับงวด 1,707.38 ล้านบาท ลดลง -0.32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 1,712.84 ล้านบาท
โดยบริษัทระบุว่า ในช่วงไตรมาส 1/68 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ อาทิ นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีความแน่นอน รวมถึงภาพรวม เศษฐกิจในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การบริโภคของภาคประชาชนยัง ไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ Easy E-Receipt 2568ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าการใช้สิทธิของร้านค้าทั่วไปลดลง ทำให้ยอดขายมีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สำหรับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนล่าช้าเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกสบายในการเข้ามาใช้บริการที่สาขาของลูกค้า และทำให้กลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำความเย็น อาทิ เครื่องปรับอากาศ และ พัดลม มียอดขายที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า จึงส่งผลให้ยอดขายต่อสาขาเดิมลดลงในช่วงไตรมาสแรก
นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่า และได้ส่งผลกระทบมายังประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร จากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารสาขาและสำนักงานอย่างละเอียด ซึ่งไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด
ทั้งนี้บริษัทฯ มีการสนับสนุนชุมชนและสังคมในเรื่องของการ ให้บริการตรวจสอบและประเมินความเสียหายที่อยู่อาศัยกับทางภาคครัวเรือน รวมถึงเตรียมความพร้อมในการรองรับความต้องการของสินค้าในหมวดการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลังจากขั้นตอนการ ตรวจสอบและประเมินความเสียหายเสร็จสิ้น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงคําแนะนํา "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 11.00 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขาย P/E ปี 2568 ที่ 17 เท่าน่าดึงดูด และคาดว่ากําไรยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อน พร้อมปัจจัยหนุนจากการซ่อมแซมคอนโดและอาคารสูงต่างๆ ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยเห็นความต้องการเข้ามามากขึ้นช่วงไตรมาส 3/68
ระยะสั้นรายงานกําไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1.7 พันล้านบาท ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยจ่ายและยอดขายที่ลดลงเล็กน้อย แม้ว่า EBIT margin จะขยายตัวเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการค่าใช้จ่ายควบคุมได้ดีเนื่องจาก Hybrid store ที่ทยอยเห็นผล และค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลง
ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1,707 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน กำไรสุทธิที่รายงานถือว่าใกล้เคียงกับที่ บล.บัวหลวง และ Bloomberg Consensus คาดที่ 1,714 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังมองกำไรของ HMPRO ทรงตัวจากปีก่อน แต่ด้วย Seasonality กำไรของ HMPRO น่าจะลดลงใน 2/68 จากวันหยุดยาว คาดการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในเดือนเมษายน ติดลบ 8-9% อย่างไรก็ตาม เราแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท โดยคาดว่าการเติบโตจะดูดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้